Weekly Highlight บทความการลงทุนประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 13-17 กุมภาพันธ์ 2566 ติดตามประธานาธิบดี ไบเดนแถลงการณ์ประจำปีต่อสภาคองเกรส และตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดของจีน
Executive Summary
- ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง หลังจากตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาด ทำให้เจ้าหน้าที่เฟดบางส่วนออกมาสนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ขณะเดียวกันสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เริ่มกลับมาปะทุขึ้น หลังบอลลูนสอดแนมของจีนล่วงล้ำน่านฟ้าสหรัฐฯ และรัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมคว่ำบาตรบุคคลหรือองค์กรที่เกี่ยวข้อง
- Special Headlines: ไบเดนแถลงการณ์ประจำปีต่อสภาคองเกรส และอัปเดทเงินเฟ้อจีนเดือน ม.ค. 66
- Technical: คาดว่าสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่เคลื่อนไหวเป็น sideway up หลังจากที่ตลาดปรับฐานก่อนหน้านี้ ขณะที่ตลาดหุ้นจีนและเวียดนามเรายังมีมุมมองเชิงบวกในระยะกลางถึงยาวทยอยสะสมได้ หุ้นไทยมีแนวต้านที่ 1,700 จุด และแนวรับ 1,640 จุด ทองคำและน้ำมันทยอยสะสมได้
- กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้: สัปดาห์ที่ผ่านมาเราแนะนำขายทำกำไรกองทุนหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี (Rebalance Portfolio) สัปดาห์นี้เราแนะนำการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกองทุน Healthcare โดยลดสัดส่วนตราสารหนี้ระยะสั้นลง
Weekly Asset Total Return
SPECIAL HEADLINE: ไบเดนแถลงการณ์ประจำปีต่อสภาคองเกรส
อัปเดทเงินเฟ้อจีนเดือน ม.ค. 66
- ดัชนีเงินเฟ้อในฝั่งผู้บริโภคจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ม.ค. ที่ 2.1%YoY จากที่เพิ่มขึ้น 1.8%YoY ในเดือน ธ.ค. 65 สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ หลังจากที่มีการเปิดประเทศและผลจากเทศกาลตรุษจีน ทำให้การใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้น
- ด้านดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.0%YoY เป็นระดับอัตราสูงสุดตั้งแต่เดือน มิ.ย. 65 แสดงให้เห็นถึงสัญญาณการบริโภคที่กลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่เงินเฟ้อในฝั่งผู้ผลิตปรับตัวลดลง 0.8%YoY ในเดือน ม.ค. ลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 0.5%YoY เป็นผลมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลง
- อย่างไรก็ตามแม้ตลาดจะคาดการณ์เงินเฟ้อเฉลี่ยของจีนปีนี้จะปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับที่ไม่สร้างความกังวลเหมือนที่สหรัฐฯ และยุโรป โดยคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปี 66 ของจีนเฉลี่ยที่ 2.3-2.5% รวมถึงคาดว่าธนาคารกลางจีน (PBOC) ยังมีศักยภาพในการใช้นโยบายการเงินสนับสนุนเศรษฐกิจ เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยและอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปในตลาดการเงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง
WCIA Weekly Recap
เศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มเห็นภาวะ disinflationary
- นายเจอโรม พาวเวลประธานเฟดเผยว่า เงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอตัว แต่เฟดจะยังไม่หยุดขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานยังคงออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ ขณะเดียวกันก็ระบุว่า เริ่มเห็นภาวะเงินเฟ้อที่ลดลง (disinflationary) แล้ว แต่การชะลอตัวอย่างยั่งยืนของเงินเฟ้อนั้นยังคงต้องใช้เวลาอีกนาน และในขณะนี้เราเพิ่งจะอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น
- ประธานเฟด สาขามินเนอาโพลิสให้ความเห็นว่า มาตรการของเฟดยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน ทำให้ยังไม่เห็นแนวโน้มในการปรับลดคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย และเฟดจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 5.4% จากระดับ 4.50-4.75% ในขณะนี้
- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 13,000 ราย สู่ระดับ 196,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 190,000 ราย ขณะเดียวกันจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานคงค้างเพิ่มขึ้น 38,000 ราย สู่ระดับ 1.688 ล้านราย
- เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ มีความมั่นใจว่าผู้ผลิตบอลลูนดังกล่าวมีความสัมพันธ์โดยตรงกับกองทัพจีน อีกทั้งเผยว่าจีนได้ทำการส่งบอลลูนลักษณะดังกล่าวเหนือน่านฟ้ากว่า 40 ประเทศในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันสำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจแห่งสหรัฐฯ เผยว่า ยอดนำเข้าและส่งออกระหว่างสหรัฐฯ กับจีนแตะที่ 6.906 แสนล้านดอลลาร์ โดยสหรัฐฯ นำเข้าของเล่นและสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ มากขึ้น ส่วนจีนนำเข้าถั่วเหลืองและอาหารต่างๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสวนทางกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ตึงเครียด
เงินเฟ้อยุโรปชะลอต่อเนื่อง อังกฤษเลี่ยงภาวะถดถอยได้
- เยอรมนีเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 9.2%YoY ในเดือน ม.ค. เมื่อปรับค่าให้สามารถเทียบกับสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 10.0%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า และหากเทียบจากเดือนก่อนหน้าดัชนี CPI เยอรนีในเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้น 1.2%
- คำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมเยอรมนีในเดือน ธ.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 3.2%MoM ขณะที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.0%MoM หลังจากที่ปรับตัวลดลง 4.4% ในเดือน พ.ย. เป็นผลจากคำสั่งซื้อขนาดใหญ่ เช่น เครื่องจักร อุปกรณ์ในการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งหากไม่นับคำสั่งซื้อดังกล่าว ตัวเลขคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมจะปรับตัวลดลง 0.6%MoM
- EU เล็งคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ก่อนครบรอบ 1 ปีสงครามยูเครน 24 ก.พ. นี้ โดยมีรายงานว่า มาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ที่มีการหารือในกลุ่ม G7 นั้น จะรวมถึงการกำหนดเพดานราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันของรัสเซียเพิ่มเติม อีกทั้ง EU กำลังพิจารณาแนวทางที่จะใช้สินทรัพย์ของรัสเซียเพื่อฟื้นฟูยูเครนด้วย
- อังกฤษเผยเศรษฐกิจโต 0%MoM ในไตรมาส 4/65 สอดคล้องกับที่ตลาดคาด หลังจากหดตัว -0.2% ในไตรมาส 3/65 ซึ่งหมายความว่า อังกฤษรอดพ้นการเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค โดยภาวะถดถอยทางเทคนิคคือการที่เศรษฐกิจหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส
ตลาดหุ้นเอเชียมีเม็ดเงินไหลเข้าต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี
- สถาบันวิจัย EPFR Global ระบุว่า กองทุนต่างชาติเข้าซื้อหุ้นจีนและฮ่องกงมูลค่าสูงสุดในรอบ 5 ปี ในช่วงเดือน ม.ค. 66 โดยบรรดาผู้จัดการกองทุนต่างชาติมีมุมมองเชิงบวกจากการที่จีนกลับมาเปิดพรมแดน และคาดว่าในระยะสั้น ตลาดหุ้นทั้งสองแห่งจะยังคงมีเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนต่างชาติเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
- แบงก์ชาติอินเดียขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ โดยขึ้นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (repo rate) ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% สู่ระดับ 6.50% เป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 6 ติดต่อกัน ขณะที่เงินเฟ้อในประเทศส่งสัญญาณชะลอตัวและเงินเฟ้อจากฝั่งค้าปลีกผ่านจุดสูงสุดแล้ว อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อของอินเดียยังคงอยู่ในระดับที่สูง
- ญี่ปุ่นเล็งเลิกจำกัดนักเดินทางจากจีนเดือน ก.พ. เป็นอย่างเร็ว โดยมีรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นวางแผนยุติการทดสอบเชื้อโควิดสำหรับผู้เดินทางที่มาจากจีน แต่ยังกำหนดให้ต้องแสดงผลตรวจเชื้อเป็นลบก่อนเดินทางจากประเทศต้นทาง ทั้งนี้เมื่อเดือนที่แล้ว จีนได้ระงับการออกวีซ่าระยะสั้นสำหรับญี่ปุ่น เพื่อตอบโต้ที่ญี่ปุ่นมีมาตรการอย่างเข้มงวดสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากจีน
- ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติประณามบอลลูนสอดแนมของจีนล่วงล้ำน่านฟ้าสหรัฐฯ และรัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมคว่ำบาตรบุคคลหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับกองทัพจีนซึ่งสนับสนุนการส่งบอลลูนสอดแนม
สินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความกังวลอุปทานตึงตัว
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นปิดตลาดที่ 79.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากความกังวลว่าตลาดน้ำมันจะตึงตัว หลังจากรัสเซียประกาศแผนการที่จะปรับลดการผลิตน้ำมัน คิดเป็น 5% ของปริมาณการผลิตทั้งหมด รวมทั้งความต้องการใช้น้ำมันในจีนที่มีแนวโน้มฟื้นตัว
- ราคาทองคำปรับตัวลดลงปิดที่ $1,865.54 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และยังถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนออกมาสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป
- ค่าเงินบาทอ่อนค่าปิดตลาดที่ 33.72 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ สอดคล้องกับสกุลเงินในภูมิภาคที่อ่อนค่า หลังเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วนได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง อีกทั้งยังไม่มีปัจจัยใหม่ในประเทศที่ส่งผลต่อค่าเงินบาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ความเคลื่อนไหวหุ้นสหรัฐในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
จัดอันดับกองทุนพักเงิน
กลยุทธ์การลงทุนในช่วงสัปดาห์นี้
สัปดาห์ที่ผ่านมาเรา“Rebalance Portfolio” (ขายปรับสัดส่วน) ในกองทุนหุ้นและทองคำในพอร์ต สัปดาห์นี้เราแนะนำลดสัดส่วนกองทุนตราสารหนี้ 5%นำมาเพิ่มสัดส่วนกองทุน Healthcare 5% ของ Portfolio (satellite portfolio)
โดยรายละเอียดแผนการลงทุนและกองทุนที่แนะนำให้กับลูกค้าจะมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับระดับการยอมรับความเสี่ยง ผลตอบแทนคาดหวัง ข้อจำกัดในการลงทุนของแต่ละบุคคล และเรามีการคัดเลือกและวิเคราะห์กองทุนที่เหมาะกับการจัดพอร์ตการลงทุนในแต่ละบุคคล
โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ติดต่อทีมงานฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน เพื่อสอบถามรายละเอียดและคำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมกับท่าน ได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 02-026-6875 หรือ อีเมลล์ investment@wealthcertified.co.th
Wealth Certified Investment Team
นาย พันเลิศ เจริญสวรรค์ : นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ ผู้วางแผนการลงทุน
นาย กรวิชญ์ สำเภาสงฆ์ : ผู้วางแผนการลงทุน
อ่านบทความย้อนหลังได้ที่
WCIA Weekly Highlight 6 February 23 – Wealth Certified
WCIA Monthly Insight February 2023 – Wealth Certified
2023 Investment Outlook – Wealth Certified
Disclaimer: ข้อมูลและเนื้อหาในเอกสารฉบับนี้ ถูกรวบรวมขึ้นจากแหล่งที่มาที่พิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามทางบริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด ไม่อาจรับประกันความถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน ของเอกสารฉบับนี้รวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ได้ข้อมูลและความคิดเห็นในเอกสารฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ผู้ลงทุนต้องเข้าใจว่า ผลตอบแทนในอดีตไม่สามารถนำเอามาใช้รับประกันผลตอบแทนในปัจจุบันและอนาคตได้ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลขาดทุนจากการลงทุนได้ จึงต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานที่นำเสนอนั้น อาจไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิเช่น ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่จะต้องมีการเรียกเก็บจากผู้ลงทุน เป็นต้น
เอกสารฉบับนี้ไม่ใช่เอกสารเผยแพร่ให้บุคคลทั่วไปและไม่สามารถนำไปแก้ไข ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนหรือทั้งหมดโดยปราศจากความเห็นชอบและอนุญาตจากบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด