ไทย ENG

CONTACT US
0-2026-6875

WCIA Monthly Insight September

04/09/2023

WCIA Monthly บทความประจำเดือนกันยายน 2566 อัปเดทตลาดจ้างงานสหรัฐเดือน ส.ค. อัปเดทเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ก.ค. ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของภูมิภาคต่างๆ และอื่นๆ

Executive Summary

  • ตลาดหุ้นทั่วโลกในเดือน ส.ค. ปรับตัวลดลง จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี ส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก อีกทั้งนักลงทุนกังวลต่อภาคอสังหาฯ จีนที่อาจลุกลามเศรษฐกิจในวงกว้าง อย่างไรก็ดีเรามองว่าเดือน ก.ย. ตลาดหุ้นทั่วโลกมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาชะลอตัวลงเป็นไปตามที่เฟดคาดหวัง แต่อาจมี upside จำกัดจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจกดดันต่อกำไรบริษัทจดทะเบียนทั่วโลก
  • Special Headlines:
    อัปเดทตลาดจ้างงานสหรัฐเดือน ส.ค.
    อัปเดทดัชนี PCE สหรัฐเดือน ก.ค.
    จีนประกาศลดภาษีซื้อขายหุ้นเพื่อดึงนักลงทุน
  • มุมมอง: เรามีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น Quality Growth และ Defensive สหรัฐในระยะกลาง ซึ่งคาดว่าจะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับที่สูง และเรามองว่าตลาดหุ้น Asia incl. Japan ที่กระจายการลงทุนทั้งใน EM เอเชีย เช่น จีน เกาหลีใต้ อินเดีย ไทย และตลาดหุ้นเวียดนาม จาก Valuation ที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับอดีตและเทียบกับตลาดหุ้นฝั่ง DM ขณะที่ตลาดหุ้นจีนทะยอยเข้าซื้อสะสมได้และติดตามสถานการณ์ของทางการจีนในการรับมือต่อภาคอสังหาฯ ที่เป็นประเด็นในขณะนี้ รวมถึงรอดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คาดว่าจะทยอยออกมาหลังจากนี้ ขณะเดียวกันตลาดหุ้นญี่ปุ่นกลับมามีความน่าสนใจจาก positive structural change และแนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่ง

Monthly Total Asset Class Return

ที่มา: Koyfin.com data as of 3 September 2023, *Annualized returns

SPECIAL HEADLINE: อัปเดทตลาดจ้างงานสหรัฐเดือน ส.ค.

  • กระทรวงแรงงานสหรัฐได้รายงานตัวเลขการจ้างงานสหรัฐเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 170,000 ตำแหน่ง โดยการจ้างงานหลักๆ จะอยู่ในภาคเฮลธ์แคร์ บริการและการก่อสร้าง รวมถึงภาคการผลิตเริ่มเห็นการจ้างงานเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2022 อย่างไรก็ดีสถานการณ์ปลดคนงานใน Hollywood และบริษัท Yellow Corp ที่ล้มละลาย รวมถึงโอกาสที่จะเกิด Government Shutdown อาจจะส่งผลต่อตัวเลขการจ้างงานลดลงอย่างมีนัยสำคัญในเดือน ก.ย. ขณะที่ค่าจ้างแรงงานรายชั่วโมงเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.3%YoY ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด อย่างไรก็ดีอัตราการเพิ่มขึ้นดังกล่าวชะลอตัวที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2023 แต่ตลาดมองว่าภาวะตลาดแรงงานขณะนี้ยังคงหนุนให้ครัวเรือนอเมริกันมีการใช้จ่ายที่แข็งแกร่งอยู่
  • ด้านอัตราการว่างงานในเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นแตะรับ 3.8% สูงกว่าคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 3.5% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวเลขการจ้างงานลงในเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีภาวะตลาดแรงงานที่เริ่มมีการผ่อนคลายนี้ หนุนให้ตลาดคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. นี้ที่ระดับ 5.25-5.50% รวมถึงตลาดมีมุมมองเชิงบวกต่อการใช้นโยบายการเงินเข้มงวดของเฟดค่อนข้างประสบความสำเร็จ เนื่องจากตลาดแรงงานได้รับผลกระทบน้อยมากต่อมาตรการดังกล่าว

ที่มา: https://www.bloomberg.com/news/articles/2023-09-01/us-jobs-report-signals-smooth-downshift-in-labor-market?srnd=economics-v2

อัปเดทดัชนี PCE สหรัฐเดือน ก.ค.

  • ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล หรือ PCE สหรัฐในเดือน ก.ค. ปรับตัวขึ้น 3.3%YoY จากระดับ 3.0%YoY ในเดือน มิ.ย. และสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ ด้านดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญปรับตัวขึ้น 4.2%YoY สอดคล้องกับที่ตลาดคาดเช่นกัน ทั้งนี้ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดที่ครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
  • การใช่จ่ายที่หนุนให้ดัชนี PCE ในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นนี้ ส่วนหนึ่งมาจากเทศกาลหนังฟอร์มยักษ์ที่เข้าฉาย การทัวร์คอนเสิร์ตของศิลปินชื่อดังในช่วงที่ผ่านมาและการที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์มองว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเป็นแค่ช่วงระยะสั้น และมองว่าเงินเฟ้อในระยะถัดจากนี้อาจจะชะลอตัวลง ด้านอัตราการออมเงินของครัวเรือนปรับตัวลงสู่ระดับ 3.5% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2022 บ่งชี้ว่าการบริโภคของครัวเรือนที่แข็งแกร่ง ณ ขณะนี้อาจไม่ยั่งยืนในเดือนข้างหน้า

ที่มา: https://www.bloomberg.com/news/articles/2023-08-31/key-us-inflation-measures-post-modest-gains-while-spending-jumps

จีนประกาศลดภาษีซื้อขายหุ้นเพื่อดึงนักลงทุน

  • มีรายงานว่า รัฐบาลจีนได้ประกาศลดภาษีอากรสแตมป์ (stamp duty) สำหรับการซื้อขายหุ้น โดยปรับลดค่าธรรมเนียมซื้อขายลงมาอยูที่ระดับ 0.05% จากเดิมที่ระดับ 0.1% รวมถึงมีการจำกัดการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทจดทะเบียนที่ราคาหุ้นของบริษัทซื้อขายอยู่ระดับต่ำกว่าราคา IPO และการลดอัตรามาร์จิ้นสำหรับการซื้อขายแบบ leverage ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค. เป็นต้นไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตลาดทุนและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน
  • ทั้งนี้มาตรการแบบเดียวกันเคยใช้ในเดือน เม.ย. ปี 2008 ซึ่งลดค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้นลงมาอยู่ที่ระดับ 0.1% ซึ่งหนุนให้ดัชนี Shanghai Composite ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.3% ในปีดังกล่าวและปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปีถัดมา ด้านนักวิเคราะห์ของโบรกเกอร์แห่งหนึ่งคาดว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยป้องกันไม่ให้เม็ดเงินไหลออกจากตลาดหุ้นจีนราว 250 พันล้านหยวนจากการขายหุ้นของบรรดากองทุน และช่วยคงสภาพคล่องในตลาดหุ้น

ที่มา: https://www.bloomberg.com/news/articles/2023-08-28/china-markets-rally-as-authorities-take-steps-to-lift-sentiment-llubolgt

Monthly Recap

US

  • สหรัฐเผย GDP ในไตรมาส 2/66 โตต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งเป็นการเปิดเผยตัวเลขประมาณการ GDP เป็นครั้งที่ 2 โดยขยายตัว 2.1% ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 2.4% และต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 2.4% ขณะเดียวกันธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐที่จะไม่กระตุ้นเงินเฟ้อควรอยู่ที่ระดับ 1.8%
  • นักลงทุนคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยเดือน พ.ย. หลังถ้อยแถลงของพาวเวล โดยนักลงทุนให้น้ำหนัก 47.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75% ในการประชุมวันที่ 1 พ.ย. หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อในการประชุมประจำปีของเฟดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และในส่วนการประชุมเดือน ก.ย. คาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ย
  • สหรัฐเผยดัชนี CPI เดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 3.2%YoY ต่ำกว่าคาด รายงานจากกระทรวงแรงงานสหรัฐ ซึ่งดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคหรือเงินเฟ้อ โดยตลาดคาดว่าดัชนีดังกล่าวจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.3%YoYด้านดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงานปรับตัวขึ้น 4.7%YoY ในเดือน ก.ค. สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์
  • สหรัฐเผยยอดค้าปลีกในเดือน ก.ค. สูงกว่าคาด โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.17%YoYและเพิ่มขึ้น 0.7%MoM ดีกว่าที่ตลาดคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.50%YoY โดยตัวเลขดังกล่าวได้แรงหนุนจากยอดขายออนไลน์ในวัน Amazon Prime Day ทั้งนี้หากไม่รวมยอดขายรถยนต์ ยอดค้าปลีกในเดือน ก.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1%YoY สูงกว่าคาดว่าจะปรับตัวขึ้น 0.4%YoY

Europe

  • เยอรมนีเผยดัชนี PPI เดือน ก.ค. ปรับตัวลงกว่าคาด โดยปรับตัวลดลง 6.0%YoY ขณะที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 5.1%YoY โดยปัจจัยหลักๆ มาจากราคาพลังงานลดลง และเนื่องจากปีที่ผ่านมาเงินเฟ้อเยอรมนีได้รับผลกระทบจากสงครามในยูเครน และหากไม่นับรวมราคาพลังงาน ดัชนี PPI ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.0%YoY ในเดือน ก.ค.
  • เยอรมนีเผย PMI รวมภาคการผลิต-บริการเดือน ส.ค. หดตัวสุดในรอบกว่า 3 ปี โดยปรับตัวลดลงสู่ 44.7 จาก 48.5 ในเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 63 และต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 48.3 จากผลสำรวจของฮัมบูร์ก คอมเมอร์เชียล แบงก์ (HCOB) ทั้งนี้ดัชนีดังกล่าวต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่า กิจกรรมของธุรกิจในเยอรมนีหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 แล้ว
  • ECB ระบุยังคงดอกเบี้ยระดับสูงต่อไปเพื่อดึงเงินเฟ้อสู่เป้าหมาย โดยนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน ECB ต้องตรึงดอกเบี้ยในระดับที่สูง เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อกลับคืนสู่เป้าหมายระยะกลางที่ระดับ 2% ขณะเดียวกันข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนส่งสัญญาณว่า เศรษฐกิจอาจเผชิญกับภาวะถดถอยในระยะข้างหน้านี้
  • อังกฤษเผยยอดค้าปลีกเดือน ก.ค. ปรับตัวลงเกินคาด โดยลดลง 1.2%MoM ขณะที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 0.5%MoMเนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนและค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ยอดขายเสื้อผ้าและอาหารซบเซา ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อในเดือน ก.ค. แตะเกือบระดับ 7% ชะลอจากระดับสูงสุดที่ 11% ในเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว แต่ยังอยู่ระดับสูงเมื่อเทียบในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว

Asia

  • สภาพัฒน์เผย GDP ไทยไตรมาส 2/66 โต 1.8% ต่ำกว่าคาด ชะลอลงจาก 2.6% ในไตรมาส 1 ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกขยายตัว 2.2% โดยการใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัวสูงต่อเนื่อง การลงทุน ขยายตัวชะลอลง แต่การใช้จ่ายภาครัฐบาลลดลงต่อเนื่อง ด้านการส่งออกยังคงหดตัว 5.7% ขณะที่ภาคบริการยังขยายตัวสูง จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น
  • รัฐบาลจีนประกาศปรับลดภาษีอากรแสตมป์สำหรับการซื้อขายหุ้นในประเทศลงสูงสุด 50% จากปัจจุบันเรียกเก็บที่ 0.1% สู่ระดับ 0.05% เพื่อส่งเสริมการซื้อขายหลักทรัพย์และป้องกันเงินลงทุนไหลออกจากตลาดหุ้นจีน ท่ามกลางเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญกับปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์และความเสี่ยงภาวะเงินฝืด
  • แบงก์จีนลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.15% กังวลเศรษฐกิจชะลอตัว โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีลง 0.15% สู่ระดับ 2.50% สวนทางกับตลาดคาดว่าจะคงดอกเบี้ยที่ระดับ 2.65% ขณะเดียวกันปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 7 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้นของจีนลง 0.10% สู่ระดับ 1.8%

Commodities

  • ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นปิดที่ 85.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งแตะระดับสูงสุดของปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มอุปทานน้ำมันที่ตึงตัว จากคาดการณ์ว่ากลุ่ม OPEC+
    จะปรับลดกำลังการผลิตต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ และคาดว่าซาอุฯ จะขยายเวลาการปรับลดการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์ต่อวันจนถึงเดือน ต.ค. รวมถึงได้ sentiment บวกจากจีนเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตในเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ตลาดคาดในเดือน ส.ค. 
  • ราคาทองคำทรงตัวปิดที่ $1,939.67 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้น หลังสหรัฐเผยดัชนี PCE ทั่วไปในเดือน ก.ค. ยังอยู่เหนือระดับหมายเป้าหมายของเฟด ถึงแม้ว่าข้อมูลตลาดจ้างงานสหรัฐจะผ่อนคลายลง
  • ค่าเงินบาทอ่อนค่าปิดที่ 35.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจในเดือนที่ผ่านมาออกมาอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ โดยเฉพาะ GDP ไทยไตรมาส 2/66 ที่ออกมาต่ำกว่าที่คาด รวมถึงเดือนที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่า

ความเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา

ที่มา: Tradingview.com as of 3 September 2023

จัดอันดับกองทุนพักเงิน

หมายเหตุ: ข้อมูลการจัดอันดับกองทุนเป็นเพียงข้อมูลหนึ่งที่ใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน
ที่มา: AspenRTD, data as of 3 September 2023

โดยรายละเอียดแผนการลงทุนและกองทุนที่แนะนำให้กับลูกค้าจะมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับระดับการยอมรับความเสี่ยง ผลตอบแทนคาดหวัง ข้อจำกัดในการลงทุนของแต่ละบุคคล และเรามีการคัดเลือกและวิเคราะห์กองทุนที่เหมาะกับวัตถุประสงค์การลงทุนของแต่ละบุคคล

โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

ติดต่อทีมงานฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน เพื่อสอบถามรายละเอียดและคำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมกับท่าน ได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 02-026-6875   หรือ อีเมลล์ investment@wealthcertified.co.th

Wealth Certified Investment Team

นาย พันเลิศ เจริญสวรรค์ : นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ ผู้วางแผนการลงทุน

นาย กรวิชญ์ สำเภาสงฆ์ : ผู้วางแผนการลงทุน

อ่านบทความย้อนหลังได้ที่
https://wealthcertified.co.th/wcia-weekly-highlight-28-august-2023/
https://wealthcertified.co.th/wealth-certified-2023-investment-outlook/

You cannot copy content of this page