ไทย ENG

CONTACT US
0-2026-6875

Wealth Certified Cover

WCIA Weekly Highlight

06/12/2022

WCIA Weekly Highlight บทความการลงทุนประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 6 – 9 ธันวาคม 2565 ติดตามถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวลและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯก่อนจะมีการประชุมในสัปดาห์หน้า และ update ข่าวการเก็บภาษีขายหุ้นไทย

Key takeaways

  • ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากเฟดเริ่มพูดถึงการชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และให้น้ำหนักต่อผลกระทบเศรษฐกิจมากขึ้น อีกทั้งนักลงทุนเริ่มมีความหวังต่อการเปิดประเทศของจีน หลังทางการจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 มากขึ้น
  • Special Headlines: ถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวลและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และภาษีขายหุ้นไทย
  • Technical: ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าสัปดาห์นี้มีโอกาสย่อตัวลง ดัชนี CSI300 และ VN 30 ทยอยสะสมได้ หุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,600 จุด ตลาดอินโดนีเซียรอดูจังหวะ ทองคำยังมองแนวโน้มบวก ทะยอยสะสมได้ ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาลง แนวรับที่ 73 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้: การลงทุนในระยะสั้นดัชนีประเทศต่างๆทั้งสหรัฐ โดยดัชนี S&P500 กำลังทดสอบแนวต้านสำคัญซึ่งต้องรอดูท่าทีของการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจจะมี Downside ต่อตลาดหุ้น สัปดาห์นี้เราจึงคิดว่าดัชนีหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มย่อตัวเราแนะนำการจัดพอร์ตตามสัดส่วนที่แนะนำตามระดับความเสี่ยงที่กำหนดไว้
  • กลุ่มกองทุนที่มี Momentum ดีในการลงทุนสั้น: India EQ, Gold เฝ้าระวัง Europe EQ แรงซื้อเริ่มชะลอหลังปรับขึ้นมาก่อนใคร และ Energy Sector ตามทิศทางราคาน้ำมัน
  • กองทุนแนะนำให้ทยอยสะสมเพื่อการลงทุนยาว: Global EQ (tech), China EQ, Vietnam EQ

Performance ของแต่ละสินทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา

Koyfin.com data as of 4 Dec 2022, *Annualized returns
Source: Koyfin.com data as of 4 Dec 2022, *Annualized returns

WCIA Weekly : Special Headlines

ถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวลและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ

Source: US Job Market Is Too Tight for Fed Comfort as Labor Pool Shrinks – Bloomberg
Source: US ISM Services Gauge Rises Unexpectedly on Business Activity Surge – Bloomberg

เมื่อต้นอาทิตย์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นตอบรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ที่วอชิงตันว่า “เป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่อได้ปรับขึ้นไปจนถึงระดับที่เรามั่นใจว่ามีศักยภาพมากพอที่จะฉุดเงินเฟ้อให้ชะลอลง สำหรับช่วงเวลาที่จะเริ่มชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น อย่างเร็วที่สุดน่าจะเป็นช่วงการประชุมเดือน ธ.ค.” ขณะเดียวกันเริ่มเห็นสัญญาณของเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนแสดงความกังวลต่อผลกระทบของเศรษฐกิจจากนโยบายการเงินเข้มงวด

ทั้งนี้นายเจอโรม พาวเวล ระบุ 3 ตัวขับเคลื่อนเงินเฟ้อที่ต้องจับตา คือ

(1) core goods inflation เฟดเห็นสัญญาณชะลอตัวลงแล้ว

(2) housing services inflation คาดว่าจะชะลอตัวลดลงปีหน้า และ

(3) inflation in core services ซึ่งเงินเฟ้อภาคบริการถูกหนุนจากค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เฟดต้องให้ความสำคัญกับตลาดแรงงานเพื่อใช้ประเมินเงินเฟ้อ โดยเดือน พ.ย. ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 263,000 ตำแหน่ง สูงกว่าคาดการณ์ และค่าจ้างรายชั่วโมงเพิ่มขึ้น 0.6%MoM จากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3%MoM และเร่งตัวขึ้นแตะสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดอาจจะคงนโยบายการเงินเข้มงวดยาวนานกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ จนกว่าจะเห็นสัญญาณของตลาดแรงงานผ่อนคลายลง

ด้านดัชนีกิจกรรมภาคบริการสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. ขยายตัวที่ระดับ 56.5 จากระดับ 54.4 ในเดือน ต.ค. ซึ่งขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ที่ระดับ 53.5 บ่งชี้ถึงเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ ซึ่งมีสัดส่วนของเศรษฐกิจภาคบริการใหญ่ที่สุดยังสามารถเติบโตได้และมีความหยืดหยุ่นต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง  ด้านมาตรวัดตัวเลขการจ้างงานภาคบริการของสถาบัน ISM ก็ออกมาดีขึ้นเช่นกัน

อย่างไรก็ตามคำสั่งซื้อใหม่ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. จากตัวเลขยอดการจองบริการต่างๆ ที่ชะลอตัว อาจส่งสัญญาณว่ากิจกรรมเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากชาวอเมริกันบางส่วนคุมการใช้จ่ายท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงและต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มสูงขึ้น

การเก็บภาษีขายหุ้นไทย

ครม. ได้อนุมัติให้ยกเลิกการยกเว้นเก็บภาษีขายหุ้นแล้ว เพื่อต้องการสร้างความเป็นธรรมในระบบภาษี ส่วนการเก็บภาษีจากกำไรในการซื้อขายหุ้น (capital gain) ยังไม่ได้พิจารณาจัดเก็บแต่อย่างใด

โดยจะเก็บภาษีอัตรา 0.055% ไปจนถึงสิ้นปี 66 เพื่อให้นักลงทุนมีเวลาปรับตัวและหลังจากนั้นในปี 67 เป็นต้นไป จะจัดเก็บภาษีเต็มเพดานที่อัตรา 0.11% โดยไม่สนว่าผู้ขายจะกำไรหรือขาดทุนหรือไม่

ทั้งนี้ ครม. เห็นควรการยกเว้นภาษีให้แก่ ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) กองทุนบำนาญ และกองทุนรวมที่ขายหน่วยลงทุนแก่กองทุนบำนาญ เพื่อไม่ให้การจัดเก็บภาษีส่งผลกระทบต่อการสร้างสภาพคล่องของหลักทรัพย์และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

โดยผลกระทบของนโยบายดังกล่าว จะส่งผลให้ต้นทุนการทำธุรกรรมในตลาดหลักทรัพย์ของไทยสูงขึ้นจาก 0.17% เป็น 0.22% (ต้นทุนที่รวมทั้งการซื้อและการขาย) แต่ยังอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ โดยต่ำกว่าของมาเลเซีย ซึ่งอยู่ที่ 0.29% ฮ่องกงที่ร้อยละ 0.38% และสูงกว่าของสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ที่ 0.20%

โดยรัฐบาลคาดว่าจะสร้างเม็ดเงินเข้าคลังได้ราว 8 พันล้านบาทในปีแรก และ 1.6 หมื่นล้านบาทต่อปีในปีถัดๆ ไป

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Thailand Says Most Institutional Investors Must Pay Stock Tax – Bloomberg

WCIA Weekly Recap

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง กังวลเฟดคงนโยบายเข้มงวดนานขึ้น

  • สหรัฐฯ เผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้นสูงกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือน พ.ย. สูงกว่าคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง ด้านค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้น 5.1%YoY สูงกว่าคาดที่ 4.6%YoY ซึ่งค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อประเมินสัญญาณของภาวะเงินเฟ้อ
  • สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.5 ในเดือน พ.ย. จาก 54.4 ในเดือน ต.ค. เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 63 และยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 53.1 โดยได้รับแรงหนุนจากกิจกรรมทางธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น
  • สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 49.0 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 63 และต่ำกว่าคาดที่ระดับ 49.8 จากระดับ 50.2 ในเดือน ต.ค. โดยถูกกดดันจากยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่ลดลง ซึ่งหดตัวเป็นเดือนที่ 3
  • Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับ 100.2 ในเดือน พ.ย. จากระดับ 102.2 ในเดือน ต.ค. แต่สอดคล้องกับที่ตลาดคาด เนื่องจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย

หวั่นเศรษฐกิจยูโรโซนหดตัวในไตรมาส 4/65

  • สหภาพยุโรป (EU) ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 93.7 ในเดือน พ.ย. จากระดับ 92.7 ในเดือน ต.ค. และสูงกว่าคาดที่ระดับ 93.5 เป็นปรับตัวขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนในวันที่ 24 ก.พ.
  • นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ออกมาเตือนว่า นโยบายการคลังของรัฐบาลยุโรปบางประเทศ อาจนำไปสู่ภาวะอุปสงค์ส่วนเกิน พร้อมทั้งระบุว่านโยบายการคลังและนโยบายการเงินจำเป็นต้องสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน คณะกรรมาธิการยุโรปคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนจะหดตัวลงในไตรมาส 4 ของปี 2565 และในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 เนื่องจากราคาพลังงานและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะกระทบการใช้จ่าย ความสามารถในการกู้ยืมเงินและความเชื่อมั่น
  • สหภาพยุโรป (EU) ได้บรรลุข้อตกลงในการกำหนดราคาน้ำมันรัสเซียที่ระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล และให้มีการทบทวนมาตรการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง มาตรการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้รัสเซียมีรายได้ลดลงจากการจำหน่ายน้ำมันที่จะไปสนับสนุนการทำสงคราม โดยมีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 5 ธ.ค. กับน้ำมันรัสเซียที่มีการขนส่งผ่านทางเรือบรรทุกน้ำมัน แต่ไม่รวมน้ำมันที่มีการขนส่งผ่านท่อส่งน้ำมัน
  • เนชั่นไวด์ (Nationwide) ซึ่งเป็นบริษัทปล่อยกู้จำนองรายงานว่า ราคาบ้านเดือน พ.ย. ของอังกฤษปรับตัวลดลง 1.4% เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค. ซึ่งเป็นการปรับลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 63 เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่ตลาดคาดว่าจะปรับลดลง 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ขณะที่ราคาบ้านอังกฤษปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.4%YoY ในเดือน พ.ย. ชะลอลงเมื่อเทียบกับ 7.2%YoY ในเดือน ต.ค.

ตลาดคลายกังวลการควบคุมโควิดในจีน

  • ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นแรง รับข่าวผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด โดยทางการเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีนได้ประกาศยกเลิกข้อกำหนดในการตรวจเชื้อโควิด-19 ขณะที่เมืองอื่นๆ อย่าง ปักกิ่ง เทียนจิน เซินเจิ้น และเฉิงตู ได้ประกาศยกเลิกข้อกำหนดในการตรวจเชื้อโควิด-19 ก่อนใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เผยว่า PMI ภาคการผลิตเดือน พ.ย. อยู่ที่ระดับ 48 ลดลงจาก 49.2 ในเดือน ต.ค. และต่ำกว่าคาดที่ระดับ 49 สะท้อนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่ซบเซาของเอเชียในปีหน้า จากมาตรการล็อกดาวน์ของจีน ทำให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงักและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วเอเชีย
  •  ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวขึ้นแรง นำโดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มธนาคาร หลังตลาดคลายความกังวลเรื่องการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้และปัญหาสภาพคล่องในภาคอสังริมทรัพย์ที่ก่อนหน้านี้มีการควบคุมในการระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่เกิดข่าวเรื่องความโปร่งใส
  • นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้สั่งการให้รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการคลัง เพิ่มการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติขึ้นเป็น 2% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ภายในปีงบประมาณ 2570 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลญี่ปุ่นปรับเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม  ในขณะที่ญี่ปุ่นซึ่งประสบปัญหาด้านสังคมผู้สูงอายุและหนี้สินที่เพิ่มขึ้นนั้น ขณะนี้ทางกระทรวงการคลังกำลังหารือกันเกี่ยวกับรายละเอียดของงบประมาณส่วนนี้

สินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง

  • น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นปิดตลาดที่ 79.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งมุมมองบวกที่ว่าความต้องการใช้น้ำมันในจีนจะฟื้นตัว และการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์
  • OPEC+ คงการลดการผลิตน้ำมัน 2 ล้านบาร์เรล/วันถึงสิ้นปีหน้า โดยกลุ่ม OPEC+ ยังคงดำเนินนโยบายการผลิตในปัจจุบันต่อไป ซึ่งเป็นการปรับลดการผลิตน้ำมันลง 2 ล้านบาร์เรล/วัน หรือราว 2% ของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกนับตั้งแต่เดือน พ.ย. ไปจนถึงสิ้นปี 66
  • ทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นปิดที่ $1,798.78 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยได้ปัจจัยหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า และตลาดมองว่า ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว ทำให้เฟดอาจจะผ่อนการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
  • ค่าเงินบาทแข็งค่าปิดตลาดที่ 34.72 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ โดยมีแรงหนุนจากถ้อยแถลงของประธานเฟด ซึ่งกระตุ้นการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการชะลออัตราการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ในการประชุมรอบสุดท้ายของปี

ความเคลื่อนไหวหุ้นสหรัฐในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา

Source: TradingView 4 Dec 2022

จัดอันดับกองทุนพักเงิน

Source : AspenRTD data as of 5 DEC 2022

กลยุทธ์การลงทุนในช่วงสัปดาห์นี้

การลงทุนในระยะสั้นดัชนีประเทศต่างๆทั้งสหรัฐ โดยดัชนี S&P500 กำลังทดสอบแนวต้านสำคัญซึ่งต้องรอดูท่าทีของการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจจะมี Downside ต่อตลาดหุ้น สัปดาห์นี้เราจึงคิดว่าดัชนีหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มย่อตัวลง เราแนะนำการจัดพอร์ตตามสัดส่วนที่แนะนำตามระดับความเสี่ยงที่กำหนดไว้

กองทุนแนะนำให้ทยอยสะสมเพื่อการลงทุนยาว
Global EQ (tech), China EQ, Vietnam EQ, ทองคำ


กองทุนเฝ้าระวัง : กองทุนน้ำมัน หุ้นที่เกี่ยวกับราคาน้ำมันหลังราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลดลงขณะที่ราคาหุ้นพลังงานรายงานงบออกมาดีตามคาด และ NAV กองทุนยังอยู่ในระดับสูง

โดยรายละเอียดแผนการลงทุนและกองทุนที่แนะนำให้กับลูกค้าจะมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับระดับการยอมรับความเสี่ยง ผลตอบแทนคาดหวัง ข้อจำกัดในการลงทุนของแต่ละบุคคล และเรามีการคัดเลือกและวิเคราะห์กองทุนที่เหมาะกับการจัดพอร์ตการลงทุนในแต่ละบุคคล

โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

ติดต่อทีมงานฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน เพื่อสอบถามรายละเอียดและคำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมกับท่าน ได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 02-026-6875   หรือ อีเมลล์ investment@wealthcertified

Wealth Certified Investment Team

นาย พันเลิศ เจริญสวรรค์ : นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ ผู้วางแผนการลงทุน

นาย กรวิชญ์ สำเภาสงฆ์ : ผู้วางแผนการลงทุน

อ่านบทความย้อนหลังได้ที่

WCIA Monthly Insight Dec 2022 – Wealth Certified

WCIA Weekly Highlight – Wealth Certified

Disclaimer: ข้อมูลและเนื้อหาในเอกสารฉบับนี้ ถูกรวบรวมขึ้นจากแหล่งที่มาที่พิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามทางบริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด ไม่อาจรับประกันความถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน ของเอกสารฉบับนี้รวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ได้ข้อมูลและความคิดเห็นในเอกสารฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ผู้ลงทุนต้องเข้าใจว่า ผลตอบแทนในอดีตไม่สามารถนำเอามาใช้รับประกันผลตอบแทนในปัจจุบันและอนาคตได้ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลขาดทุนจากการลงทุนได้ จึงต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานที่นำเสนอนั้น อาจไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิเช่น ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่จะต้องมีการเรียกเก็บจากผู้ลงทุน เป็นต้น

เอกสารฉบับนี้ไม่ใช่เอกสารเผยแพร่ให้บุคคลทั่วไปและไม่สามารถนำไปแก้ไข ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนหรือทั้งหมดโดยปราศจากความเห็นชอบและอนุญาตจากบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด

You cannot copy content of this page