ไทย ENG

CONTACT US
0-2026-6875

WCIA Weekly Highlight 15 August 2023

16/08/2023

บทความการลงทุนประจำสัปดาห์ระหว่างวันที่ 14 – 18 สิงหาคม 2566 อัปเดทเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ก.ค. Moody’s ลดอันดับความน่าเชื่อถือแบงก์เล็กสหรัฐ 10 แห่ง และทางการจีนอนุญาตกรุ๊ปทัวร์จัดทริปต่างประเทศ

Executive Summary

  • ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจาก Moody’s ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารสหรัฐ 10 แห่ง โดยคาดว่าบรรดาธนาคารเหล่านี้จะเผชิญความเสี่ยงจากต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น จากผลพวงของวงจรอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ด้านตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงเช่นกัน จากความกังวลภาคอสังหาฯ จีนและแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะเผชิญกับภาวะเงินฝืด
  • Special Headlines:
    อัปเดทเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ก.ค.
    Moody’s ลดอันดับความน่าเชื่อถือแบงก์เล็กสหรัฐ 10 แห่ง
    ทางการจีนอนุญาตกรุ๊ปทัวร์จัดทริปต่างประเทศ
  • มุมมอง: เรามีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่ม Defensive สหรัฐในระยะกลางซึ่งคาดว่าจะได้ประโยชน์จากช่วงเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยหลังจากนี้และเรามองว่าตลาดหุ้น Asia incl. Japan ได้แก่ ตลาดหุ้นจีน และเวียดนามมี  Valuation ที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับอดีตและเทียบกับตลาดหุ้นฝั่ง DM โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนที่ราคาสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว และคาดว่าทางการจีนจะมีมาตรการกระตุ้นเศรฐกิจในระยะข้างหน้า ขณะดียวกันตลาดหุ้นญี่ปุ่นกลับมามีความน่าสนใจจาก positive structural change และแนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่ง

Weekly Total Asset Return

ที่มา: Koyfin.com data as of 14 Aug 2023, *Annualized returns

Special Headline: อัปเดทเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ก.ค.

  • ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อของสหรัฐในเดือน ก.ค. ปรับตัวพิ่มขึ้น 3.2%YoY ดีกว่าตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 3.3%YoY ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงานปรับตัวขึ้น 4.7%YoY และเพิ่มขึ้น 0.2%MoM สอดคล้องกับที่ตลาดคาด โดยเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นในเดือนที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งและการจ้างงานที่อยู่ระดับสูง แม้ว่าจะเห็นสัญญาณผ่อนคลายลงในช่วง 2 เดือนที่ผานมา
  • ทั้งนี้ข้อมูลบ่งชี้ว่า 90% ของเงินเฟ้อภาพรวมที่เพิ่มขึ้น มาจากราคาหมวดค่าเช่าที่อยู่อาศัยที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงของใช้อุปโภคบริโภค ค่าสาธารณูปโภคและพลังงานที่กลับมาฟื้นตัว ขณะที่ราคารถยนต์มือ 2 และค่าตั๋วเครื่องบินปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ด้านมุมมองของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดยังเป็นไปคนละทิศทาง โดยบางส่วนมองว่าว่ามีโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งที่ 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75% ขณะที่บางส่วนมองว่าการที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย ณ ระดับปัจจุบันเป็นจุดที่เหมาะสม ด้านเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้ให้สัมภาษณ์สื่อในเดือน ก.ค. ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถประกาศได้ว่ามาตรการของเฟดในช่วงที่ผ่านมาประสบความสำเร็จแล้ว

ที่มา: https://www.bloomberg.com/news/articles/2023-08-10/biden-fears-china-ticking-time-bomb-poses-danger-to-world
https://www.bloomberg.com/news/articles/2023-08-10/fed-seen-pausing-in-september-after-tame-core-inflation-report?srnd=markets-vp

Moody’s ลดอันดับความน่าเชื่อถือแบงก์เล็กสหรัฐ 10 แห่ง

  • Mood’s บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถืออันดับต้นๆ ของโลก ได้ปรับลดเครดิตเรทติ้งของธนาคารขนาดเล็กและขนาดกลางสหรัฐ 10 แห่ง โดยระบุถึงสาเหตุการปรับลดเครดิตเรทติ้งครั้งนี้ ได้แก่ ความเสี่ยงจากต้นทุนการระดมทุนที่สูงขึ้น การลดลงของเงินฝาก ความเสี่ยงจากธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ และแนวโน้มกำไรที่อ่อนแอในระยะถัดไป นอกจากนี้ Moody’s ยังมีมุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มการดำเนินงานของธนาคารอีก 11 แห่ง
  • ทั้งนี้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาภาคธนาคารสหรัฐและยุโรปได้เผชิญกับวิกฤติ หลังมีธนาคารสหรัฐขนาดเล็กยื่นล้มละลาย 3 แห่ง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสร้างความกังวลต่อภาวะตลาดสินเชื่อที่คาดว่าจะตึงตัวมากขึ้น จากการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวม อีกทั้งความกังวลดังกล่าวยังกดดันต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มธนาคารในช่วงที่ผ่านมา

ที่มา:  https://www.bloomberg.com/news/articles/2023-08-08/moody-s-has-more-gloomy-view-on-us-banks-amid-several-strains

ทางการจีนอนุญาตกรุ๊ปทัวร์จัดทริปต่างประเทศ

  • มีรายงานว่าทางการจีนอนุญาตให้กรุ๊ปทัวร์จัดทริปเดินทางเยือนญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา อังกฤษและออสเตรเลียได้อีกครั้ง หลังสั่งห้ามเป็นเวลา 3 ปีในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งมาตรการผ่อนคลายดังกล่าวจะเป็นแรงหนุนต่อภาคการท่องเที่ยวทั่วโลกและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าการท่องเที่ยวนอกประเทศของชาวจีนในช่วงนี้จะไม่บูมมากเหมือนช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ซึ่งอาจจะสร้างความผิดหวังต่อตลาด เนื่องจากความกังวลต่อการเลือกปฎิบัติเวลาเดินทางไปประเทศตะวันตกและปัจจัยด้านการเงิน
  • ทั้งนี้ยอดเที่ยวบินภายในประเทศจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเกิดโควิด-19 ขณะที่ยอดเที่ยวบินต่างประเทศยังอยู่ระดับครึ่งหนึ่งของปี 2019 ด้าน CEO ของ ANA Airline ระบุว่า นับเป็นข่าวที่ดีต่อการท่องเที่ยวญี่ปุ่น เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนมีสัดส่วน 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในปี 2019 แต่ขณะนี้สายการบินต่างๆ ยังคงเผชิญกับปัญหาขาดแคลนพนักงาน โดยเดือน ก.ค. เที่ยวบินที่ไปยังจีนเปิดให้บริการคิดเป็น 35% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19

ที่มา: https://www.bloomberg.com/news/articles/2023-08-10/china-allows-group-tours-to-us-uk-japan-in-major-travel-boost?srnd=markets-vp
https://www.bloomberg.com/news/articles/2023-08-10/japan-korea-tourism-stocks-rise-on-prospect-of-chinese-visitors?srnd=markets-vp

Weekly Recap

US

  • สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยลดลง หลังดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มสูงขึ้น โดยรายงานจากสมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 3.1% ในสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนจำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง 3% ในสัปดาห์ที่แล้ว และลดลง 27%YoY ด้านอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ 7.09%
  • สหรัฐเผยดัชนี PPI เดือน ก.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาดเล็กน้อย โดยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือน ก.ค. ซึ่งใช้วัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8%YoY และ 0.3%MoM มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.7%YoY ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงานปรับตัวขึ้น 2.4%YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.3%YoY
  • ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 71.2 ในเดือน ส.ค. ต่ำกว่าคาดที่ระดับ 71.7 จากระดับ 71.6 ในเดือน ก.ค. ขณะเดียวกันผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 3.3% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า จากระดับ 3.4% ในการสำรวจเดือนที่ผ่านมา
  • นักลงทุนของสหรัฐกังวลต่อมาตรการจำกัดการลงทุนในเทคโนโลยีบางประเภทในจีนของ ปธน. โจ ไบเดน ซึ่งสกัดการลงทุนใหม่ของสหรัฐในเทคโนโลยีที่ละเอียดอ่อนในจีน อย่าง ชิปคอมพิวเตอร์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติ ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูท่าทีของจีนว่าจะออกมาตรการตอบโต้ครั้งนี้อย่างไร

Europe

  • ตลาดหุ้นยุโรปได้รับ sentiment ลบ จากหุ้นกลุ่มธนาคารอิตาลีปรับตัวลดลงแรง หลังจากอิตาลีอนุมัติเก็บภาษีลาภลอย 40% จากธนาคารพาณิชย์ในปี 66 อีกทั้งหุ้นกลุ่มธนาคารยูโรโซนปรับตัวลง 3.5% ทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. หลังจากมีข่าวว่า Moody’s ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็กของสหรัฐลง
  • สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของอังกฤษ (NIESR) คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะไม่สามารถทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับไปสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ได้ก่อนปี 2571 พร้อมเตือนว่าภายในสิ้นปี 2567 มีโอกาส 60% ที่เศรษฐกิจอังกฤษจะเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ รวมถึงการขาดแคลนแรงงานฝีมือ ประสิทธิภาพการผลิตที่อ่อนแอ ขาดการลงทุนจากภาครัฐ และเศรษฐกิจของภูมิภาคที่ซบเซา ด้านอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะลดลงจากปัจจุบันที่ 7.9% สู่ระดับ 5.2% ภายในสิ้นปี 2566
  • ผลสำรวจของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เผยว่า ผู้บริโภคในยูโรโซนได้ลดคาดการณ์เงินเฟ้อลงสำหรับในช่วง 12 เดือนข้างหน้าเฉลี่ยที่ 3.4% ซึ่งลดลงจากก่อนหน้านี้ที่ 3.9% เนื่องจากเงินเฟ้อที่แท้จริงเริ่มเติบโตอย่างชะลอตัว แต่ยังคงมีความกังวลต่อกำลังซื้อและราคาบ้าน รวมทั้งคาดว่ารายได้จะเติบโตช้ากว่าอัตราเงินเฟ้อและการใช้จ่าย 1.2% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งบ่งชี้ถึงมาตรฐานการครองชีพและการออมที่มีแนวโน้มว่าจะลดลง

Asia

  • ธปท.คาด GDP ปีนี้อาจโตต่ำกว่าคาดที่ 3.6% ชี้ยังไม่ถึงเวลาลดดอกเบี้ย โดยระบุถึงสาเหตุว่า ยังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลต่อการส่งออก แต่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยสิ่งที่ต้องดู ไม่ใช่แค่ปัจจัยระยะสั้นเรื่องเงินเฟ้อ แต่ต้องดูภาพเศรษฐกิจระยะยาวด้วย และโจทย์ของนโยบายการเงินได้เปลี่ยนไปเป็นเน้นการ Landing ให้ดี จากก่อนหน้านี้ที่เน้น Smooth take off
  • จีนเผย CPI เดือน ก.ค. ลดลง 0.3%YoY เสี่ยงเผชิญภาวะเงินฝืด โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคของจีนในเดือน ก.ค. ปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 64 อย่างไรก็ดีตัวเลขดังกล่าวลดลงน้อยกว่าตลาดคาดว่าที่ระดับ 0.4%YoY ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งวัดต้นทุนสินค้าของผู้ผลิตลดลง 4.4%YoY ลงมากกว่าคาดที่ระดับ 4.1%YoY
  • ตลาดกังวลภาคอสังหาริมทรัพย์จีน หลัง Country Garden ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอกชนรายใหญ่ที่สุดของจีน ได้ผิดนัดชำระหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์ซึ่งครบกำหนดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นเสาหลักสำคัญในการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน และมีสัดส่วนผลผลิตทางเศรษฐกิจสูงเกือบ 30%
  • ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (repo rate) ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 6.5% ซึ่งเป็นการคงดอกเบี้ยในการประชุม 3 ครั้งติดต่อกัน และสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ ด้านดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคของอินเดียปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.81%YoY ในเดือน มิ.ย. จากระดับ 4.25% ในเดือน พ.ค. และสูงกว่าคาดที่ระดับ 4.6% สาเหตุจากการปรับตัวขึ้นของราคาอาหาร

Commodities

  • ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI)ทรงตัวปิดที่ 82.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากราคาแตะระดับสูงสุดของปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่เสี่ยงเผชิญกับภาวะเงินฝืด ซึ่งบั่นทอนความต้องการใช้น้ำมันภายในประเทศ และเงินดอลลาร์ที่แข็งค่ากดดันราคาทองคำ
  • ราคาทองคำปรับตัวลดลงที่ $1,907.63 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ โดยถูกกดดันจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ากดดันราคาทองคำ
  • ค่าเงินบาทอ่อนค่าปิดที่ 35.26 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จากดอลลาร์ที่แข็งค่าสอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับเพิ่มขึ้นและนักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเงินดอลลาร์ในช่วงตลาดผันผวน โดยตลาดเริ่มกลับมามองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ ขณะเดียวกันโมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทเริ่มแผ่วลง โดยหากการ จัดตั้งรัฐบาลมีความชัดเจนมากขึ้น เงินบาทอาจจะกลับมาแข็งค่าได้ต่อเนื่อง ตาม fund flow ของนักลงทุนต่างชาติ

ความเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ที่มา: Tradingview.com as of 14 Aug 2023

จัดอันดับกองทุนพักเงิน

ที่มา: AspenRTD, data as of 14 August 2023

โดยรายละเอียดแผนการลงทุนและกองทุนที่แนะนำให้กับลูกค้าจะมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับระดับการยอมรับความเสี่ยง ผลตอบแทนคาดหวัง ข้อจำกัดในการลงทุนของแต่ละบุคคล และเรามีการคัดเลือกและวิเคราะห์กองทุนที่เหมาะกับวัตถุประสงค์การลงทุนของแต่ละบุคคล

โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

ติดต่อทีมงานฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน เพื่อสอบถามรายละเอียดและคำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมกับท่าน ได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 02-026-6875   หรือ อีเมลล์ investment@wealthcertified.co.th

Wealth Certified Investment Team

นาย พันเลิศ เจริญสวรรค์ : นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ ผู้วางแผนการลงทุน

นาย กรวิชญ์ สำเภาสงฆ์ : ผู้วางแผนการลงทุน

อ่านบทความย้อนหลังได้ที่

https://wealthcertified.co.th/wcia-weekly-highlight-7-august-2023/

https://wealthcertified.co.th/wealth-certified-2023-investment-outlook/

Disclaimer: ข้อมูลและเนื้อหาในเอกสารฉบับนี้ ถูกรวบรวมขึ้นจากแหล่งที่มาที่พิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามทางบริษัทนายหน้าหลักทรัพย์ซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด ไม่อาจรับประกันความถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบันของเอกสารฉบับนี้ รวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ ข้อมูลและความคิดเห็นในเอกสารฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

     ผู้ลงทุนต้องเข้าใจว่า ผลตอบแทนในอดีตไม่สามารถนำเอามาใช้รับประกันผลตอบแทนในปัจจุบันและอนาคตได้ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลขาดทุนจากการขาดทุนได้ จึงต้องทำความเข้าใจลักษณะผลิตภัณฑ์ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานที่นำเสนอนั้น อาจไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิเช่น ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จะต้องมีการเรียกเก็บจากผู้ลงทุน เป็นต้น

      เอกสารการลงทุนฉบับนี้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการแนะนำการลงทุน และอนุญาตให้ใช้เฉพาะภายในบริษัท (internal use only) เท่านั้น ไม่ใช่เอกสารเผยแพร่ทั่วไป กรณีที่มีการนำเอกสารนี้ไปเผยแพร่ให้บุคคลทั่วไป และไม่สามารถนำไปแก้ไข ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนหรือทั้งหมด โดยที่ไม่ได้รับการอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด หากเกิดความเสียหายเกิดขึ้นจากการใช้เอกสารฉบับนี้ บริษัทมีสิทธิ์ที่จะดำเนินการทางด้านกฎหมายได้ทันที

You cannot copy content of this page