WCIA Weekly Highlight บทความการลงทุนประจำสัปดาห์ วันที่ 14-18 พฤศจิกายน 2565
WCIA Asset Class Performance
Key Takeaways
- ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่เฟดจะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาดในเดือน ต.ค. ด้านหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลกซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากการปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง
- Special Headlines : เงินเฟ้อสหรัฐฯ ในเดือน ต.ค. เลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ และนโนบายพรรคเดโมแครต vs พรรครีพับลิกัน
- Technical : ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ยังเคลื่อนไหวในทิศทางบวก ขณะที่ดัชนี CSI300 ยังมี upside กว้างให้เข้าลงทุน ตลาดเวียดนามยังไม่เห็นสัญญาณกลับตัว หุ้นไทยมีแนวต้านที่ 1,650 จุด ตลาดอินโดนีเซียทยอยสะสมได้ ทองคำรอเข้าเก็บตอนย่อตัว น้ำมันลุ้นยืนเหนือ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลให้ได้
- กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้ : ตลาดมีแนวโน้มดีขึ้นสามารถทยอยเก็บหุ้นที่ลงแรงเพิ่มได้ เช่น หุ้นเทคโนโลยีโลก (Global Equity) กองทุนหุ้นจีน โดยมีเงินสดบางส่วนไว้สะสมเพิ่มเติม เช่น หุ้นเวียดนาม หากมีสัญญาณกลับตัว และระมัดระวังกองทุนที่ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน
- กลุ่มกองทุนที่มี Momentum ดีในการลงทุนสั้น: Thai EQ, Japan EQ, India EQ, Healthcare Energy sector, ทองคำ (Hedged)
- กองทุนแนะนำให้ทยอยสะสมเพื่อการลงทุนยาว:Global EQ (tech), China EQ, Vietnam EQ (รอการฟื้นตัว)
Special Headlines
ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ (CPI) เดือน ต.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.7%YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.9%YoY และชะลอตัวลงจากเดือน ก.ย. ที่ระดับ 8.2% ด้านดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมราคาพลังงานและอาหาร ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.3% YoY และปรับขึ้น 0.3% MoM
ขณะที่ค่าเช่าที่อยู่อาศัย ซึ่งมีน้ำหนักที่มากที่สุดในการคำนวณเงินเฟ้อภาคบริการปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8%MoM และเป็นตัวแปรสำคัญที่หนุนตัวเลขเงินเฟ้อโดยรวม ทั้งนี้หากไม่นับรวมราคาอาหาร ค่าเช่าที่อยู่อาศัยและราคาพลังงาน เงินเฟ้อทั่วไปจะลดลง 0.1%YoY โดยรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภคแต่ละหมวดมีดังนี้:
– ราคาอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% MoM ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่ำสุดในปีนี้
– ราคาเครื่องนุ่งห่มปรับตัวลดลง 0.7% MoM ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย.
– ค่าประกันสุขภาพลดลง 4% MoM
– ค่ารักษาพยาบาลลดลง 0.6% MoM
– ราคารถมือสองลดลง 2.4% MoM
– ค่าจ้างที่แท้จริงต่อชั่วโมงการทำงานลดลง 2.8% YoY
ด้านตลาดมองว่า ถึงแม้ตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือน ต.ค. จะออกมาในเชิงบวก แต่เงินเฟ้อโดยรวมยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าที่เฟดจะหันมาทบทวนการใช้นโยบายการเงินเข้มงวด ขณะที่นักเก็งกำไรลดการคาดการณ์เป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงที่ระดับต่ำกว่า 5.00% จากเดือนก่อนหน้านี้ที่ 5.00% – 5.25%
Update การเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ
ผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ล่าสุด พรรครีพับรีกันได้เก้าอี้ ส.ส. จำนวน 212 ที่นั่ง นำพรรคเดโมแครตที่ได้ 204 ที่นั่ง จากทั้งหมด 435 ที่นั่ง ซึ่งพรรคที่จะชนะและครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร์ (สส.) จะต้องได้ที่นั่งอย่างน้อย 218 ที่นั่ง
ด้านการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ (สว.) ครั้งนี้ มีการเลือก สว. 35 ที่นั่ง จากทั้งหมด 100 ที่นั่ง โดยผลล่าสุดพรรคเดโมแครตนำพรรครีพับลีกันอยู่ที่ 50:49 ที่นั่ง ขณะที่ผลคะแนนสุดท้ายในรัฐจอร์เจียจะทราบผลต้นเดือน ธ.ค. และแม้ว่าพรรครีพับลิกันชนะในรัฐจอร์เจีย ด้วยผลคะแนน 50:50 วุฒิสภาสหรัฐฯ จะถูกควบคุมโดยพรรคเดโมแครต เพราะหากคะแนนเสียงเสมอกัน นางคามาลา แฮร์ริส ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครต สามารถลงคะแนนเสียงชี้ขาดในฐานะประธานวุฒิสภาได้ ทั้งนี้นายไบเดนจะสามารถใช้ชัยชนะตรงนี้ในการแต่งตั้งคนที่ตัวเองเลือกให้ทำหน้าที่ในศาลของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ ที่สำคัญกว่านั้นคือ หากตำแหน่งผู้พิพากษาศาลสูงสุดว่างลง ไม่ว่าจะด้วยการเกษียณอายุหรือการเสียชีวิต พรรครีพับลิกันจะไม่สามารถกีดกันผู้พิพากษาคนใหม่ที่นายไบเดนจะเป็นคนเลือกได้ ย้อนไปเมื่อปี 2016 เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้แต่พรรครีพับลิกันสามารถกีดกันผู้พิพากษาคนที่ ปธน. บารัค โอบามา เลือกไว้ได้ และชัยชนะในครั้งนี้จะช่วยให้นายไบเดนได้รับแรงสนับสนุนจากคนในพรรคมากขึ้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
WCIA : Weekly Recap ข่าวสารน่าสนใจอื่นๆ
สหรัฐอเมริกา
- เฟดเผยแบบจำลอง GDPNow บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 4.0% ในไตรมาส 4/65 เฟดสาขาแอตแลนตา เผยว่า แบบจำลอง GDPNow ล่าสุดชี้ให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 4.0% ในไตรมาส 4 สูงกว่าระดับ 3.6% ที่คาดก่อนหน้านี้ ทั้งนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัว 1.6% ในไตรมาส 1 และ 0.6% ในไตรมาส 2 ก่อนที่มีการขยายตัว 2.6% ในไตรมาส 3
- ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.7 ในเดือน พ.ย. จากระดับ 59.9 ในเดือน ต.ค. และต่ำกว่าตัวเลขที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 59.5 โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันผู้บริโภคคาดว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับ 5.1% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า โดยสูงกว่าระดับ 5.0% ที่มีการสำรวจในเดือนที่ผ่านมา
- บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวลงหลุด 4% คาดเฟดผ่อนการเร่งขึ้นดอกเบี้ย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีลดลงอยู่ที่ระดับ 3.81% หลังตัวเลขสหรัฐฯ เดือน ต.ค. ออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว ขณะที่นักลงทุนให้น้ำหนัก 80.6% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.
ยุโรป
- เยอรมนีเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือน ก.ย. ขณะที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ขณะที่อุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูงชะลอตัวลง 0.9% ในเดือน ก.ย. จากปัญหาราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นสูงและปัญหาคอขวดด้านการขนส่ง
- เยอรมนีเผยอัตราเงินเฟ้อเพิ่มแตะ 11.6% ในเดือน ต.ค. YoY โดยสำนักงานสถิติแห่งเยอรมนีรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเยอรมนี ซึ่งได้รับการปรับค่าเพื่อให้สามารถเทียบเคียงกับดัชนีราคาผู้บริโภคเฉลี่ย (HICP) ของสหภาพยุโรป (EU) เพิ่มขึ้นที่ระดับ 11.6% ในเดือน ต.ค. เมื่อเทียบรายปี ส่วนดัชนี CPI ที่ไม่ได้รับการปรับค่านั้นอยู่ที่ระดับ 10.4%
- ผู้ว่าการธนาคารกลางฝรั่งเศสเผยว่า เศรษฐกิจฝรั่งเศสจะยังมีการขยายตัวในไตรมาส 4/65 แม้เป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเล็กน้อยเป็นการชั่วคราว และระบุว่า ECB ต้องไม่หยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าเงินเฟ้อจะผ่านจุดสูงสุดอย่างชัดเจน แต่อาจชะลอความเร็วในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่ออัตราดอกเบี้ยแตะระดับที่บั่นทอนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
เอเซีย
- CPI จีนในเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้นต่ำกว่าที่คาด ขณะ PPI ลดลงครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งวัดเงินเฟ้อการใช้จ่ายของผู้บริโภคในเดือน ต.ค. ปรับตัวขึ้น 2.1%YoY ต่ำกว่าคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.4% ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งวัดต้นทุนสินค้าจากโรงงานปรับตัวลง 1.3% ในเดือน ต.ค. สะท้อนถึงความอ่อนแอของอุปสงค์ภายในประเทศ
- การใช้จ่ายภาคครัวเรือนญี่ปุ่นเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 2.3% ขานรับการเปิดเศรษฐกิจ โดยเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจากประชาชนมีความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายในช่วงฤดูร้อนแรกที่ไร้มาตรการควบคุมโควิด-19 ด้านไต้หวันเผยยอดส่งออกเดือน ต.ค.ปรับตัวลดลง 0.5% เทียบเป็นรายปี แต่การส่งออกสินค้าเทคโนโลยีก็อยู่ในเกณฑ์ดี
- ฮ่องกงไฟเขียวนักท่องเที่ยวเข้าสถานที่ต่างๆ ได้แต่ต้องใส่แมสก์เริ่ม 17 พ.ย. โดยทางการฮ่องกงจะผ่อนคลายข้อจำกัดในการควบคุมโรคโควิด-19 เพื่อให้ผู้ที่เดินทางมายังฮ่องกงสามารถเข้าเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ได้ เช่น สวนสนุก ศูนย์แสดงนิทรรศการ ทั้งนี้ผู้ที่เดินทางเข้าฮ่องกงจะต้องอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังทางการแพทย์เป็นเวลา 3 วัน
- ค่าเงินบาทปิดตลาดที่ 35.99 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จากการที่ตลาดคาดว่าเฟดจะชะลอการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. หลังตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในเดือน ต.ค. ต่ำกว่าที่ตลาดคาด และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า ขณะที่ดุลบัญชีเงินเดินสะพัดของไทยในเดือน ก.ย. กลับมาเกินดุลอีกครั้งและความเชื่อมั่นในภาคการท่องเที่ยวไทย รวมถึงเงินทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนทั้งตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นหนุนให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
น้ำมัน – ทองคำ
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับตัวลดลงปิดตลาดที่ 88.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับตลาดคาดว่าจะลดลง และความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในจีน ซึ่งยังคงกดดันต่อความต้องการใช้น้ำมัน
- ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ $1,770.19 ดอลลาร์สหรัฐฯบาร์เรล โดยได้ปัจจัยหนุนจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เผยตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐฯ ในเดือน ต.ค. ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ซึ่งตลาดมีความหวังว่าเฟดจะผ่อนคันเร่งในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่ายังหนุนราคาทองคำ
ความเคลื่อนไหวหุ้นสหรัฐที่น่าสนใจในช่วงที่ผ่านมา
กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้
พอร์ตการลงทุน Moderate เพิ่มการลงทุนหุ้นไทย
พอร์ตการลงทุน Aggressive เพิ่มการลงทุนใน
หุ้นทั่วโลก + หุ้นจีน และเก็บเงินสดส่วนหนึ่งรอจังหวะลงทุนเพิ่มในหุ้นเวียดนามเมื่อมีสัญญาณการกลับตัว
กลุ่มกองทุนที่มี Momentum ดีในการลงทุนสั้น
Thai EQ, Japan EQ, India EQ, Healthcare and Energy sector, กองทุนทองคำ (hedged)
กองทุนแนะนำให้ทยอยสะสมเพื่อการลงทุนยาว
Global EQ (tech), China EQ, Vietnam EQ
กองทุนเฝ้าระวัง กองทุน non-hedged (USD อ่อนค่า), Vietnam EQ (รองบประกาศ)
โดยรายละเอียดแผนการลงทุนและกองทุนที่แนะนำให้กับลูกค้าจะมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับระดับการยอมรับความเสี่ยง ผลตอบแทนคาดหวัง ข้อจำกัดในการลงุทนของแต่ละบุคคล และเรามีการคัดเลือกและวิเคราะห์กองทุนที่เหมาะกับการจัดพอร์ตการลงทุนในแต่ละบุคคล
โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ติดต่อทีมงานฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน เพื่อสอบถามรายละเอียดและคำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมกับท่าน ได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 02-026-6875 หรือ อีเมลล์ investment@wealthcertified.co.th
Wealth Certified Investment Team
นาย พันเลิศ เจริญสวรรค์ : นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ ผู้วางแผนการลงทุน
นาย กรวิชญ์ สำเภาสงฆ์ : ผู้วางแผนการลงทุน
อ่านบทความย้อนหลังได้ที่
Monthly Insight NOV22 – Wealth Certified
WCIA Weekly Highlight – Wealth Certified
Disclaimer: ข้อมูลและเนื้อหาในเอกสารฉบับนี้ ถูกรวบรวมขึ้นจากแหล่งที่มาที่พิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามทางบริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด ไม่อาจรับประกันความถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน ของเอกสารฉบับนี้รวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ได้ข้อมูลและความคิดเห็นในเอกสารฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ผู้ลงทุนต้องเข้าใจว่า ผลตอบแทนในอดีตไม่สามารถนำเอามาใช้รับประกันผลตอบแทนในปัจจุบันและอนาคตได้ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลขาดทุนจากการลงทุนได้ จึงต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานที่นำเสนอนั้น อาจไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิเช่น ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่จะต้องมีการเรียกเก็บจากผู้ลงทุน เป็นต้น
เอกสารฉบับนี้ไม่ใช่เอกสารเผยแพร่ให้บุคคลทั่วไปและไม่สามารถนำไปแก้ไข ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนหรือทั้งหมดโดยปราศจากความเห็นชอบและอนุญาตจากบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด