ไทย ENG

CONTACT US
0-2026-6875

WCIA Weekly Highlight 24 April 23

25/04/2023

WCIA Weekly Highlight บทความการลงทุนประจำสัปดาห์ระหว่างวันที่ 24-28 เมษายน 2566 อัปเดท Beige Book ของเฟด อัปเดท GDP ไตรมาส1/66 จีนโตเกินคาด และอัปเดทงบไตรมาส 1/66 บริษัทจดทะเบียนสหรัฐ

EXECUTIVE SUMMARY

  • ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนรอการทยอยประกาศงบการเงินไตรมาส 1 ของบริษัทจดทะเบียน และกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกถดถอย ขณะที่ตัวเลข GDP จีนไตรมาส 1/66 ขยายตัวดีกว่าที่คาด โดยเฉพาะภาคการบริโภค ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมยังทรงตัว 
  • Special Headlines: อัปเดท Beige Book ของเฟด อัปเดท GDP ไตรมาส1/66 จีนโตเกินคาด และอัปเดทงบไตรมาส 1/66 บริษัทจดทะเบียนสหรัฐ
  • Technical: คาดว่าสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงเคลื่อนไหวตามผลประกอบการไตรมาส 1 ของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐที่ทยอยออกมา เรามองว่าให้นักลงทุนรอดูจังหวะเข้าลงทุนหลังการประชุมนโยบายเฟดต้นเดือน พ.ค. ด้านตลาดหุ้นจีนและเวียดนามเราแนะนำให้ Buy on dip มองว่าระยะกลางและยาวมีปัจจัยพื้นฐานรองรับการเติบโต ด้านหุ้นไทยมองว่ามี downside จำกัด สามารถทยอยสะสมได้ ทองคำรอจังหวะเข้าช่วงย่อตัว น้ำมันสามารถเล่นเก็งกำไรได้
  • กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้:คงสัดส่วนตามพอร์ตการลงทุนตามที่แนะนำโดยสัปดาห์ที่ผ่านมามีการขายกองทุนทองคำสำหรับพอร์ต Conservative และลงทุนเพิ่มในกองทุนหุ้นทั่วโลก (Global Equity) สำหรับพอร์ตการลงทุน Moderate ขายกองทุนทองคำและเพิ่มสัดส่วนในกองทุนหุ้นทั่วโลกและตราสารหนี้ระยะสั้น

Weekly Total Asset Class Return

Source: Koyfin.com data as of 23 April 2023, *Annualized returns

SPECIAL HEADLINE: อัปเดท Beige Book ของเฟด

  • รายงานภาวะเศรษฐกิจ 12 เขตสหรัฐ หรือ Beige Book ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐ ยังคงทรงตัวในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการจ้างงานเริ่มมีการชะลอตัว ขณะที่ธนาคารพาณิชย์มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น จากภาวะความไม่แน่นอนและกังวลเรื่องสภาพคล่อง หลังจากเกิดเหตุการณ์การปิดด้วยลงของธนาคาร SVB ส่งผลให้แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐภาพรวมยังคงมีแรงต้าน
  • ขณะที่เงินเฟ้อภาพรวมในช่วงระยะเวลาการเก็บรายงานปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างอ่อนๆ แม้ว่าอัตราการขยายตัวจะชอลอลง ด้านภาคการบริโภค ซึ่งมีสัดส่วน 2 ใน 3 ของเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในระดับที่ทรงตัวและเริ่มเห็นแนวโน้มชะลอตัวลง พร้อมระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีโอกาสที่จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากการประชุมนโยบายการเงินเดือน พ.ค. ที่คาดว่าจะขึ้นอีก 0.25%

ที่มา: https://www.bloomberg.com/news/articles/2023-04-19/us-economy-stalled-in-recent-weeks-fed-s-beige-book-says

GDP ไตรมาส1/66 จีนโตเกินคาด

  • ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศจีนไตรมาส 1 ปี 66 ขยายตัว 4.5% ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 4% ขณะที่ยอดค้าปลีกจีนในเดือน มี.ค. ขยายตัว 10.6% ดีกว่าที่คาดการณ์เช่นกัน อย่างไรก็ตามยอดการผลิตและการลงทุนสินทรัพย์ถาวรปรับตัวเพิ่มขึ้นต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ บ่งชี้ถึงการขยายตัวที่ไม่ทั่วถึงทุกภาคอุตสาหกรรม ด้านอัตราการว่างงานปรับตัวลงอยู่ที่ระดับ 5.3% จากระดับ 5.6% ในเดือนก่อน แม้ว่าอัตราการว่างงานของวัยหนุ่มสาวในเมืองใหญ่จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 19% ใกล้แตะระดับสูงสุดในประวัติการณ์ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่พึ่งจบการศึกษา
  • ด้านทางการจีนยังคงจับตาตัวเลขกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยมองว่าเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังไม่น่าใว้วางใจ เนื่องจากยังมีปัจจัยกดดันของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ อย่าง ภาวะเศรษฐกิจโลกและภาวะอุปสงค์ในประเทศที่ยังต้องได้รับการสนับสนุน ทั้งนี้ทางการจีนมองว่าในไตรมาส 2 เศรษฐกิจจีนจะยังไม่เสีย momentum ในการขยายตัว โดยมีภาคการบริโภคเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ขณะที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) ยังคงเลือกที่จะพักการใช้นโยบายเข้มงวด เพื่อหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

รูปภาพจาก Bloomberg

ที่มา: https://www.bloomberg.com/news/live-blog/2023-04-17/china-first-quarter-gdp-key-data

อัปเดทงบไตรมาส 1/66 บริษัทจดทะเบียนสหรัฐ

  • จำนวนบริษัทจดทะเบียนสหรัฐในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 1/66 ออกมาแล้วคิดเป็น 20% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด โดย 77% เผยงบออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ และส่วนใหญ่เป็นธนาคารพาณิชย์สหรัฐขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตามตลาดเริ่มเห็นสัญญาณของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง จากกำไรของบริษัท J.B. Hunt ซึ่งเป็นบริษัทด้านการขนส่งที่ลดลง โดยภาคการขนส่งเป็นอุตสาหกรรมที่บ่งชี้ถึงความคึกคักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
  • ด้านตลาดมีความหวังว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะฟื้นในครึ่งปีหลังนี้ โดยตัวเลขกำไรจากการดำเนินงานของบรรดาบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากได้รับผลกระทบในช่วงโควิดเนื่องจาก การจัดเก็บสินค้าคงคลัง ห่วงโซ่อุปทานที่ชะงักงันและต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้กำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 ในอีก 12 เดือนข้างหน้าจากการคาดการณ์ของตลาดอยู่ที่ 219 ดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา: https://www.bloomberg.com/news/articles/2023-04-22/better-than-feared-earnings-has-analysts-rethinking-projections?srnd=markets-vp

WEEKLY RECAP

ตลาดหุ้นสหรัฐยังไม่มีปัจจัยหนุน ขณะที่นักลงทุน Wait & See รอดูงบไตรมาส 1

  • คลังสหรัฐแนะเฟดไม่ควรขึ้นดอกเบี้ยอีกรอบ โดยนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐมีแนวโน้มที่จะระมัดระวังมากขึ้นและอาจจะใช้นโยบายที่เข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยเงินกู้ หลังเกิดเหตุการณ์ธนาคารล้มละลายในช่วงที่ผ่านมา จึงเห็นว่าเฟดยังไม่ควรดำเนินการใช้นโยบายเข้มงวดอีกต่อไป
  • เฟดฟิลาเดลเฟียเผยดัชนีภาคการผลิตต่ำกว่าคาดในเดือน เม.ย. โดยดัชนีปรับตัวลงสู่ระดับ -31.3 ในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 63 และแย่กว่าตลาดคาดที่ระดับ -19.2 จากระดับ -23.2 ในเดือน มี.ค. ทั้งนี้ดัชนียังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตในภูมิภาคแอตแลนติกกลางอยู่ในภาวะหดตัว ซึ่งหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8
  • สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยปรับตัวลดลง 8.8% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยกู้จำนองที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ลดลง 6% เมื่อเทียบรายสัปดาห์ และลดลง 56% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ด้านจำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง 36%YoY
  • สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 4 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 1 จุด สู่ระดับ 45 ในเดือน เม.ย. และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 65 ด้านดัชนีคาดการณ์ยอดขายบ้านช่วง 6 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากแรงหนุนของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ปรับตัวลง อย่างไรก็ตามดัชนีดังกล่าวยังคงต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงตลาดบ้านยังซบเซา

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อย จากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มวัฎจักร

  • นักลงทุนคาดว่า BoE ขึ้นดอกเบี้ยในเดือน พ.ค. โดยคาดว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.5% ในการประชุมนโยบายการเงินครั้งถัดไป หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผย ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 10.1%YoY ในเดือน มี.ค. สูงกว่าตลาดคาดที่ระดับ 9.8%YoY
  • ยอดค้าปลีกอังกฤษในเดือน มี.ค. แย่กว่าที่ตลาดคาด โดยปรับตัวลดลง 0.9% จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ตลาดคาดว่าจะปรับตัวลง 0.5% หลังจากเพิ่มขึ้นในเดือน ม.ค. และ ก.พ. เนื่องจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่และอัตราเงินเฟ้อสูง ทำให้ประชาชนไม่ออกมาจับจ่ายซื้อของ อย่างไรก็ตามสำนักสถิติทางเศรษฐกิจอังกฤษระบุว่า ยอดค้าปลีกอังกฤษมีแนวโน้มที่จะดีขึ้น
  • เยอรมนีเผยดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 7.5%YoY ในเดือน มี.ค. ซึ่งปรับตัวขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 9.8%YoY และเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2564 ปัจจัยการเพิ่มขึ้นนี้มาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น ด้านดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดพลังงานเพิ่มขึ้น 7.9%YoY ในเดือน มี.ค.

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง ถูกกดดันจากแรงเทขายในหุ้นกลุ่มเทคฯ

  • จีนคาด CPI ฟื้นตัวแบบ U-shaped ปีนี้ โดยธนาคารกลางจีน (PBOC) คาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะฟื้นตัวขึ้นในปีนี้ แต่ไม่ได้มองว่าภาวะเงินเฟ้อหรือเงินฝืดจะเป็นปัญหาสำคัญสำหรับเศรษฐกิจจีน เนื่องจากอุปสงค์และอุปทานในระบบเศรษฐกิจปรับตัวในทิศทางที่สอดคล้องกัน และนโยบายการเงินอยู่ในระดับที่เหมาะสม
  • ส่งออกจีนขยายตัวเกินคาดในเดือน มี.ค. ส่งสัญญาณเศรษฐกิจเชิงบวก โดยขยายตัว 14.8%YoY ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นไปยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอุปสงค์ที่ฟื้นตัวจากเกาหลีใต้และยุโรป ขณะที่ตลาดคาดว่าการส่งออกจีนจะลดลงมากกว่า 7%YoY ด้านการนำเข้าจีนในเดือน มี.ค. ลดลง 1.4%YoY
  • สำนักงานสถิติของญี่ปุ่นรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (core-CPI) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสดแต่รวมราคาน้ำมัน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้น 3.1% ในเดือน มี.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี สอดคล้องกับที่ตลาดคาดว่าจะคงอยู่ที่ระดับเดิมเท่ากับในเดือน ก.พ. ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี อย่างไรก็ตามดัชนี CPI พื้นฐานยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ที่ระดับ 2% เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งปรับขึ้นราคาสินค้า

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลง จากกังวลการขึ้นดอกเบี้ยจะกระทบเศรษฐกิจ

  • ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับตัวลดลงปิดที่ 77.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความกังวลการเดินหน้านโยบายเข้มงวดของเฟด หนุนให้เศรษฐกิจโลกถดถอย ซึ่งจะส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันลดลง รวมทั้งสต็อกน้ำมันเบนซินสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อนหน้า
  • ราคาทองคำปรับตัวลงปิดที่ $1,982.60 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะเดียวกันตลาดยังมีความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังเงินเฟ้อพื้นฐานสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง
  • ค่าเงินบาททรงตัวปิดตลาดที่ 34.39 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับตระกร้าสกุลเงินทั้ง 6 สกุล จากตลาดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยุโรปจะฟื้นตัวดีขึ้น หลัง S&P Global เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อยูโรโซน (PMI) เพิ่มขึ้นที่ระดับ 54.4 ในเดือน เม.ย จากระดับ 53.7 ในเดือน มี.ค. และทำสถิติสูงสุดในรอบ 11 เดือน

ความเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ที่มา: Tradingview, data as of 23 April 2023

จัดอันดับกองทุนพักเงิน

ที่มา: AspenRTD, data as of 23 April  2023

กลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้

เมื่อต้นเดือน เม.ษ. การแนะนำ Take Profit กองทุน

ทองคำในพอร์ต Conservative และ Moderate

Conservative
Sell SCBGOLDH Return 6.84% (since June 22)

BUY SCBPGF (Global Equity 5%)

Moderate
Sell SCBGOLDH Return 15.95% (since July 22)

BUY SCBPGF, ASP-DPLUS (กองละ 5%)

ตัวอย่างพอร์ต Aggressive สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง

โดยรายละเอียดแผนการลงทุนและกองทุนที่แนะนำให้กับลูกค้าจะมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับระดับการยอมรับความเสี่ยง ผลตอบแทนคาดหวัง ข้อจำกัดในการลงทุนของแต่ละบุคคล และเรามีการคัดเลือกและวิเคราะห์กองทุนที่เหมาะกับการจัดพอร์ตการลงทุนในแต่ละบุคคล

โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

ติดต่อทีมงานฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน เพื่อสอบถามรายละเอียดและคำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมกับท่าน ได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 02-026-6875   หรือ อีเมลล์ investment@wealthcertified.co.th

Wealth Certified Investment Team

นาย พันเลิศ เจริญสวรรค์ : นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ ผู้วางแผนการลงทุน

นาย กรวิชญ์ สำเภาสงฆ์ : ผู้วางแผนการลงทุน

อ่านบทความย้อนหลังได้ที่

https://wealthcertified.co.th/wcia-weekly-highlight-17-april-23/

https://wealthcertified.co.th/wealth-certified-2023-investment-outlook/

You cannot copy content of this page