WCIA Monthly Insight I บทความการลงทุนประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ติดตามสถานการณ์ตัวเลข PCE สหรัฐ และงบไตรมาส 4 ของบริษัทจดทะเบียนที่น่าสนใจ
Executive Summary
- ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น จากตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง ทำให้ตลาดเชื่อว่าเฟดจะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ยและมีโอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยช่วงปลายปีนี้ อีกทั้งการเปิดประเทศของจีนและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า หนุนให้ Risky Asset อย่างหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น
- Special Headlines: ตัวเลข PCE สหรัฐฯ เดือน ธ.ค. 2022 และ อัปเดทงบไตรมาส 4/22 บริษัทจดทะเบียนในกองทุนที่แนะนำ
- Technical: คาดว่าสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นยังจะเคลื่อนไหวผันผวน เนื่องจากเป็นสัปดาห์ที่มีการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญหลายแห่ง และอยู่ในช่วงรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 4/2022 เรายังคงแนะนำให้ลงทุนอย่างระมัดระวัง เนื่องจาก upside เริ่มจำกัด ขณะที่ตลาดหุ้นจีนและเวียดนามเรายังมีมุมมองเชิงบวกในระยะกลางถึงยาว หุ้นไทยมีแนวต้านที่ 1,700 จุด และแนวรับ 1,640 จุด ทองคำและน้ำมันทยอยสะสมช่วงย่อตัว
- กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้: ตลาดแนะนำยังคงสัดส่วนกองทุนจากที่มีการเปลี่ยนแปลงพอร์ตการลงทุนแนะนำไปเมื่อเดือนก่อน โดยกองทุนที่แนะนำยังคงมี Momentum ที่ดีในการลงทุนในช่วงนี้ (Let Profit Run) ติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่กำลังจะประกาศในสัปดาห์นี้
Monthly Asset Total Return
SPECIAL HEADLINE: ตัวเลข PCE สหรัฐฯ เดือน ธ.ค. 2022
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งนับรวมราคาอาหารและราคาพลังงานปรับตัวขึ้น 4.4% YoY และเพิ่มขึ้น 0.1% MoM ในเดือน ธ.ค. 2022 สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ และเป็นอัตราเพิ่มขึ้นที่ชะลอตัวที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2021 โดยปัจจัยหนุนเงินเฟ้อยังเป็นฝั่งการใช้จ่ายภาคบริการ ขณะที่เงินเฟ้อในฝั่งการผลิตสินค้าชะลอตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ ภาพรวมยังอยู่ที่ระดับ 5% ซึ่งสูงกว่ากรอบเงินเฟ้อของเฟดที่ 2%
- ขณะที่คนอเมริกันเริ่มใช้บัตรเครดิตและใช้เงินออมมาใช้จ่ายมากขึ้น และในรายงานเผยว่าอัตราการออมในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 3.4% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2021
- ทั้งนี้เจ้าหน้าที่เฟดยังคงยืนยันว่าภารกิจในการคุมเงินเฟ้อยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากตลาดแรงงานที่ตึงตัวส่งผลให้ค่าจ้างเพิ่มขึ้นและเงินเฟ้อยังกดลงมายาก
อัปเดทงบไตรมาส 4/22 บริษัทจดทะเบียนในกองทุนที่แนะนำ
TESLA กำไรต่อหุ้น/ คาดการณ์ 1.19 / 1.15 รายได้รวม 24.32B / 24.68B
- อัตรากำไรของรถยนต์ไฟฟ้าลดลงเหลือ 25.9% ต่ำสุดใน 5 ไตรมาสย้อนหลัง
- ผู้บริหารคาดว่าการลดราคารถยนต์ไฟฟ้าจะช่วยเพิ่มยอดขาย ซึ่งตั้งแต่ต้นปี 2023 เห็นยอดคำสั่งซื้อเทียบกับ ช่วงเดียวกันมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
- วางแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับเป้าหมายการเติบโต 50% ต่อปี ตามที่ตั้งไว้ตั้งแต่ปี 2021
Microsoft กำไรต่อหุ้น/ คาดการณ์ 2.23 / 2.30 รายได้รวม 52.7B / 53.12B
- การเติบโตของรายได้บริษัทในไตรมาสนี้ต่ำสุดในรอบ 6 ปี
- ปัจจัยหนุนรายได้มาจาก ธุรกิจ Azure cloud-services เพิ่มขึ้น 38%YoY
- บริษัทยังเห็นโอกาสในตลาด Cloud-computing ท่ามกลางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
- ยังคงมองหาการลงทุนที่เติบโตในระยะยาว อาทิ OpenAI ในมูลค่า$10 พันล้าน และจะขยาย Data Center เพื่อรองรับ Cloud Services
ASML กำไรต่อหุ้น/ คาดการณ์ 5.02 / 4.62 รายได้รวม 6.43B / 6.38B
- กำไรทั้งปี 2022 ลดลง 4%
- คาดการณ์รายได้เพิ่มขึ้น 25% ในปี 2023
- สัดส่วนรายได้จากจีนในปี 2022 คิดเป็น 15% ของยอดขายทั้งหมดและคาดว่าตัวเลขจะ ออกมาทำนองเดียวกันในปี 2023 แม้จะมีประเด็นกีดกันการค้าของสหรัฐฯ
- คาดว่า Demand จะกลับมาฟื้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2023
ที่มา: Investing / CNBC
WCIA Monthly Recap
ตลาดมองเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง เงินเฟ้อชะลอต่อเนื่อง
- สหรัฐฯ เผย GDP ขยายตัว 2.9% ในไตรมาส 4/65 สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 2.8% หลังจากขยายตัว 3.2% ในไตรมาส 3/65 ซึ่งการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 4/65 ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงสิ้นปี ช่วยคลายความกังวลของตลาดเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้งปี 65 ขยายตัวที่ 2.1%
- สหรัฐฯ เผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานลดลงสัปดาห์ที่แล้ว โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 186,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 205,000 ราย และจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานคงค้างเพิ่มขึ้น 20,000 ราย สู่ระดับ 1.68 ล้านราย
- สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐฯ เผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองเพิ่มขึ้น 7% ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์เพิ่มขึ้น 15% ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ลดลง 77% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
- ผลสำรวจของมหาวิทยาลันมิชิแกนเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ขั้นสุดท้ายดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 64.9 ในเดือน ม.ค. ทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 65 สูงกว่าตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 64.6 หลังจากแตะระดับ 59.7 ในเดือน ธ.ค. โดยได้แรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจถดถอย
เงินเฟ้อยุโรปชะลอตัวต่อเนื่อง แต่ยังไม่จบวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น
- สถิติแห่งชาติเยอรมนีเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตปรับตัวขึ้น 21.6%YoY ในเดือน ธ.ค. 65 เพิ่มขึ้นในอัตราชะลอตัวลง จาก 28.2% ในเดือน พ.ย. 65 และมีการปรับตัวลดลง 0.4%MoM ลดน้อยกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 1.2%MoM เนื่องจากราคาพลังงานปรับตัวลง
- โดยสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี (Ifo) รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 90.2 ในเดือน ม.ค. สอดคล้องกับที่ตลาดคาดจากระดับ 88.6 ในเดือน ธ.ค. โดยได้แรงหนุนจากการเปิดประเทศของจีน และการคลายความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ หลังราคาพลังงานปรับตัวลง
- สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI Output) ลดลง 0.8%MoM ในเดือน ธ.ค. ส่วนปัจจัยการผลิตของดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI Input) ของเดือน ธ.ค. ลดลง 1.1%MoM ดีกว่าที่ตลาดคาดว่า PPI Output จะเพิ่มขึ้น 0.3%MoM และ PPI Input จะลดลง 0.6%MoM ด้านธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กำลังเฝ้าดูสัญญาณการเกิดภาวะเงินเฟ้อในอนาคต โดยนักลงทุนคาดว่า BoE จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 10 ติดต่อกันในวันที่ 2 ก.พ.นี้ โดยส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 0.5% สู่ระดับ 4%
ตลาดเอเชียยังปรับตัวเพิ่มขึ้น จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า
- ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.25% เป็น 1.50% ต่อปี สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ โดยให้มีผลทันที และมองว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มลดลงตามราคาพลังงานที่ปรับตัวลง แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะทรงตัวในระดับสูงอีกระยะหนึ่ง
- เงินบาทแข็งฉุดมูลค่าส่งออกลดลง สภาส่งออกร้องแบงก์ชาติชะลอขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากจะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งเป็นต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญต่อผู้ประกอบการทั้งห่วงโซ่อุปทานและขอให้แบงก์ชาติดำเนินมาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทในระดับ 34-35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ
- ธนาคารพาณิชย์เตรียมขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้-เงินฝาก มีผล 30 ม.ค. นี้ โดย SCB ขึ้นอัตราดอกเบี้ย MLR MOR และ MRR 0.10-0.20% ต่อปี และดอกเบี้ยเงินฝากขึ้น 0.05% – 0.25% ต่อปี ด้าน KBANK ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำสูงขึ้น 0.10-0.25% และทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายย่อยเพียง 0.10% ต่อปี
- ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงนำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังตลาดหยุดยาวเนื่องในเทศกาลตรุษจีน โดยได้แรงหนุนจากความคาดหวังของนักลงทุนที่มีต่อนโยบายเปิดประเทศของจีน ขณะเดียวกันตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ชะลอลงต่อเนื่อง
ราคาน้ำมันยังทรงตัว ขณะที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นแรง จากเงินดอลลาร์อ่อนค่า
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ทรงตัวในเดือนที่ผ่านมาปิดตลาดที่ 79.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ท่ามกลางความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย ซึ่งส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันได้ปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศของจีนและความกังวลในฝั่งอุปทานที่ยังตึงตัว ซึ่งคาดว่ารัสเซียจะลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 14% ในครึ่งปีแรกของปี 2023
- ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นปิดที่ $1,928.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์และการปรับตัวลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ รวมถึงนักลงทุนมีความกังวลเศรฐกิจโลกที่เข้าสู่ภาวะถดถอย จึงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
- ค่าเงินบาทแข็งค่าปิดตลาดที่ 32.81 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จากความคาดหวังว่าเฟดจะชะลออัตราการขึ้นดอกเบี้ย และการเปิดประเทศของจีน ส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลเข้าประเทศไทย โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ขณะเดียวกันตลาดคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2023 จะขยายตัวมากกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งสวนทางกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ทำให้ตลาดมองว่าเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งกว่าหลายประเทศในภูมิภาคในอีก 1 ปีข้างหน้า ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว
ความเคลื่อนไหวหุ้นสหรัฐในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา
จัดอันดับกองทุนพักเงิน
กลยุทธ์การลงทุนในช่วงสัปดาห์นี้
แนะนำยังคงสัดส่วนกองทุนจากที่มีการเปลี่ยนแปลงพอร์ตการลงทุนแนะนำไปเมื่อเดือนก่อน โดยกองทุนที่แนะนำยังคงมี Momentum ที่ดีในการลงทุนในช่วงนี้ (Let Profit Run) ติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่กำลังจะประกาศในสัปดาห์นี้
โดยรายละเอียดแผนการลงทุนและกองทุนที่แนะนำให้กับลูกค้าจะมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับระดับการยอมรับความเสี่ยง ผลตอบแทนคาดหวัง ข้อจำกัดในการลงทุนของแต่ละบุคคล และเรามีการคัดเลือกและวิเคราะห์กองทุนที่เหมาะกับการจัดพอร์ตการลงทุนในแต่ละบุคคล
โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ติดต่อทีมงานฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน เพื่อสอบถามรายละเอียดและคำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมกับท่าน ได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 02-026-6875 หรือ อีเมลล์ investment@wealthcertified.co.th
Wealth Certified Investment Team
นาย พันเลิศ เจริญสวรรค์ : นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ ผู้วางแผนการลงทุน
นาย กรวิชญ์ สำเภาสงฆ์ : ผู้วางแผนการลงทุน
อ่านบทความย้อนหลังได้ที่
2023 Investment Outlook – Wealth Certified
Disclaimer: ข้อมูลและเนื้อหาในเอกสารฉบับนี้ ถูกรวบรวมขึ้นจากแหล่งที่มาที่พิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามทางบริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด ไม่อาจรับประกันความถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน ของเอกสารฉบับนี้รวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ได้ข้อมูลและความคิดเห็นในเอกสารฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ผู้ลงทุนต้องเข้าใจว่า ผลตอบแทนในอดีตไม่สามารถนำเอามาใช้รับประกันผลตอบแทนในปัจจุบันและอนาคตได้ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลขาดทุนจากการลงทุนได้ จึงต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานที่นำเสนอนั้น อาจไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิเช่น ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่จะต้องมีการเรียกเก็บจากผู้ลงทุน เป็นต้น
เอกสารฉบับนี้ไม่ใช่เอกสารเผยแพร่ให้บุคคลทั่วไปและไม่สามารถนำไปแก้ไข ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนหรือทั้งหมดโดยปราศจากความเห็นชอบและอนุญาตจากบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด