WCIA Weekly Highlight บทความการลงทุนประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 16-20 มกราคม 2566 ติดตามการประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่ของ World Bank และอัตราเงินเฟ้อสหรัฐ มุมมองการลงทุนและคำแนะนำการจัดพอร์ตประจำปีนี้
Executive Summary
- ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ (CPI) ชะลอตัวในเดือน ธ.ค. อาจหนุนให้เฟดผ่อนคันเร่งในการปรับขึ้นดอกเบี้ย ด้านนักลงทุนให้น้ำหนัก 90% ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในเดือน ก.พ.
- Special Headlines: การคาดการณ์เศรษฐกิจโลก 2023 และ เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. 2022
- Technical: คาดว่าสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ยังมีอัพไซส์ แนะนำให้ยังคงถือต่อ ขณะที่ตลาดหุ้นจีนและเวียดนามเรายังมีมุมมองเชิงบวกในระยะกลางถึงยาว แนะนำทยอยสะสม หุ้นไทยมีแนวต้านที่ 1,700 จุด และแนวรับ 1,640 จุด ทองคำและน้ำมันทยอยสะสมช่วงย่อตัว
- กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้: คงสัดส่วนกองทุนจากที่มีการเปลี่ยนแปลงพอร์ตการลงทุนแนะนำไปเมื่อสัปดาห์ก่อนโดยกองทุนที่แนะนำยังคงมี Momentum ที่ดีในการลงทุนในช่วงต้นปีใหม่นี้ (Let Profit Run) อย่างไรก็ตามเราแนะนำให้วางแผนการเตรียมกำหนดจุดวางขายทำกำไรระหว่างสัปดาห์เมื่อสินทรัพย์ถึงเป้าหมายหรือหลุดเส้นแนวโน้มขาขั้นในระยะสั้นเช่น ทองคำ, ดัชนีหุ้นฮ่องกง เป็นต้น
Weekly Asset Total Return
WCIA Special Headlines : การคาดการณ์เศรษฐกิจโลก 2023
- IMF และ World Bank คาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกปีนี้ที่ 1.7–2.7% ชะลอตัวลงจากปีที่ 2022 ที่คาดว่าจะเติบโตระดับ 2.9 -3.2% โดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะถดถอย จากเงินเฟ้อที่สูง ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายการเงินของธนาคารกลาง การบริโภคเอกชนเริ่มอิ่มตัว ส่วนหนึ่งมาจากราคาสินทรัพย์ที่ปรับตัวลง ทำให้ wealth ของประชาชนลดลง ขณะที่ความกังวลของสงครามยูเครนและมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย อาจหนุนให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีโอกาสกลับมาสูงขึ้น ทำให้กดดันความเชื่อมั่นของครัวเรือนและธุรกิจในการบริโภคและลงทุน
- ด้านเศรษฐกิจจีนคาดว่าจะขยายตัวได้เหนือระดับ 4% ในปี 2023 ดีกว่าปีที่ผ่านมา จากการเปิดประเทศ ความเสี่ยงในภาคอสังหาริมทรัพย์ทรุดตัวเริ่มคลี่คลายลง ภาวะเงินเฟ้อและต้นทุนทางการเงินในประเทศที่ยังเอื้อต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มเติมในปีนี้
- เศรษฐกิจไทยคาดว่าปีนี้จะขยายตัวได้ดีกว่าปีที่แล้วเช่นกัน ที่ระดับ 3.6-3.7% จาก 2.8-3.4% จากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในภาคการท่องเที่ยว แม้ว่าอุปสงค์โลกจะชะลอตัว ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนยังแข็งแกร่งและมี fund flow ไหลเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง อีกทั้งจะมีการเลือกตั้งในระดับประเทศ ซึ่งอาจหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นด้านการบริโภคและการลงทุนมากขึ้น
เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. 2022
WCIA Weekly Recap
เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีโอกาสเลี่ยงภาวะถดถอย
- เฟด สาขาแอตแลนตารายงานแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 4.1% ในไตรมาส 4/2022 โดยสูงกว่าระดับ 3.8% ที่เปิดเผยก่อนหน้านี้ และเฟดจะรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDPNow ครั้งใหม่ในวันที่ 18 ม.ค.
- สหรัฐฯ เผยจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 223,000 ตำแหน่ง สูงกว่าคาดที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% ต่ำกว่าคาดที่ระดับ 3.7% ด้านตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้น 0.3%MoM โดยชะลอตัวจากระดับ 0.6% ในเดือน พ.ย. และต่ำกว่าคาดที่ระดับ 0.4%
- สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ ที่ระดับ 49.6 ในเดือน ธ.ค. ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 55.0 จากการจ้างงานและคำสั่งซื้อใหม่ลดลง ด้านดัชนีราคาในภาคบริการปรับตัวลงสู่ระดับ 67.6 ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2021 บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเงินเฟ้อ
- นักลงทุนให้น้ำหนักคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในเดือน ก.พ. หลังสหรัฐฯ เผยรายงานการจ้างงาน โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 70.2% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. และให้น้ำหนักเพียง 29.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%
ตัวเศรษฐกิจยุโรปออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์
- สำนักงานสถิติเยอรมนี (FSO) เผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ตลอดปี 2022 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.9% จากที่คาดจะโต 1.8% ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีอ่อนตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือน ธ.ค. อยู่ที่ 9.6% เนื่องจากราคาพลังงานลดลงและรัฐบาลช่วยจ่ายค่าพลังงานในภาคครัวเรือน
- บรรดาบริษัทเยอรมนี 40% คาดกำลังผลิตลดลงในปีนี้ เหตุต้นทุนพลังงานสูง โดยสถาบันเศรษฐกิจเยอรมนี (IW) เผยว่า บรรดาบริษัทเยอรมนีราว 40% คาดว่าธุรกิจจะหดตัวในปี 2023 จากต้นทุนพลังงานที่ยังสูง ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน และสงครามยูเครน โดยเฉพาะภาคการก่อสร้างที่บริษัทกว่าครึ่งในภาคธุรกิจคาดว่าการผลิตจะลดลง
- สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) ของอังกฤษเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือน พ.ย. ซึ่งสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะหดตัวลง 0.2% ในเดือน พ.ย.จากระดับในเดือน ต.ค. ทั้งนี้การที่เศรษฐกิจของอังกฤษหดตัวลงในระยะ 3 เดือนจนถึงสิ้นเดือน ก.ย. และผลผลิตลดลงในรอบ 3 เดือนจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. นั้นจะถือว่าเป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเข้าเกณฑ์นิยามที่ใช้กันในยุโรปของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัวลง 2 ไตรมาสติดต่อกัน
- สำนักงานสถิติแห่งชาติของฝรั่งเศสเผยว่า อัตราเงินเฟ้อในฝรั่งเศสเดือน ธ.ค. ลดลงแตะ 6.7% จาก 7.1% ในเดือน พ.ย. ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขที่ตลาดคาดการณ์ ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของฝรั่งเศสที่ปรับตัวลดลงในเดือน ธ.ค. นับเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่า ราคาพลังงานเพิ่มขึ้นแบบชะลอตัวช่วยให้ยุโรปผ่านพ้นวิกฤตเงินเฟ้อที่เลวร้ายที่สุด
ตลาดคาดธนาคารกลางหลายแห่งในเอเชีย จะยุติวงจรการขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 1
- ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าว Bloomberg บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายในการควบคุมเงินเฟ้อด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจะทำให้ธนาคารกลางเหล่านี้ยุติวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยหลังจากการปรับขึ้นประมาณ 0.25-0.50% ในไตรมาสนี้ โดยธนาคารกลางของไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยทั้งสิ้น 0.50% ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ก่อนที่จะหยุดปรับขึ้นดอกเบี้ยหลังจากนั้น ขณะเดียวกันคาดว่าธนาคารกลางมาเลเซียจะยุติวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยหลังจากที่ปรับขึ้น 0.25% อีก 1 ครั้ง
- ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% สู่ระดับ 3.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2008 ในการประชุมเดือน ม.ค. 2023 โดย BOK ให้ความสำคัญกับการรับมือกับตัวเลขเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น แม้มีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวก็ตาม ทั้งนี้ตลาดคาดว่า BOK จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งเป็นวงจรที่ธนาคารกลางเริ่มใช้ในปี 2022
- แบงก์ชาติจีนเผยจะสนับสนุนภาคเอกชนและผ่อนคลายการควบคุมอุตสาหกรรมเทคฯ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลธนาคารกลางจีนเผยว่า นโยบายการเงินในปี 2023 จะมุ่งเป้าไปที่การกระตุ้นอุปสงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอุปโภคบริโภคของภาคประชาชนและจะผ่อนคลายการควบคุมบริษัทเทคโนโลยี
- สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดส่งออกเดือน ธ.ค. ของจีนลดลง 9.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ดีกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 10% หลังจากที่ลดลง 8.7% ในเดือน พ.ย. โดยมีสาเหตุมาจากการชะลอตัวของอุปสงค์ทั่วโลก ส่วนยอดนำเข้าเดือน ธ.ค. ของจีนร่วงลง 7.5% เนื่องจากการอุปโภคบริโภคภายในประเทศซบเซาลง เป็นผลมาจากการที่ประชาชนต้องอยู่แต่ในบ้าน เนื่องจากยอดติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นสูง แต่ดีกวาที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 9.8%
สินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากดอลลาร์อ่อนค่าและเงินเฟ้อชะลอตัวลง
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นปิดตลาดที่ 79.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 8 เดือน ได้แรงหนุนจากเงินดอลลาร์อ่อนค่า และตัวเลขเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลง ซึ่งคาดว่าจะทำให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ตลาดคาดหวังว่า การเปิดประเทศของจีนจะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน รวมถึงนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดว่าราคาน้ำมันจะพุ่งเหนือ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลภายในไตรมาส 3/2023
- ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นปิดที่ $1,90.71 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ อีกทั้งนักลงทุนเข้าซื้อทองคำเนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในยามที่ตลาดกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- ค่าเงินบาทแข็งค่าปิดตลาดที่ 32.93 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าสุดในรอบ 10 เดือน โดยในช่วง 2 สัปดาห์นี้แข็งค่าไปแล้ว 4% เป็นผลจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่เริ่มชะลอตัวลง ทำให้ตลาดมองว่าเฟดน่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราชะลอลงที่ 0.25% ในเดือน ก.พ. และภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นได้อย่างแข็งแกร่ง ทำให้ดึงดูดเม็ดเงินไหลเข้าประเทศ
ความเคลื่อนไหวหุ้นสหรัฐในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
จัดอันดับกองทุนพักเงิน
หมายเหตุ: ข้อมูลการจัดอันดับกองทุนเป็นเพียงข้อมูลหนึ่งที่ใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน
WCIA Weekly Strategy กลยุทธ์การลงทุนในช่วงสัปดาห์นี้
คงสัดส่วนกองทุนจากที่มีการเปลี่ยนแปลงพอร์ตการลงทุนแนะนำไปเมื่อสัปดาห์ก่อนโดยกองทุนที่แนะนำยังคงมีMomentum ที่ดีในการลงทุนในช่วงต้นปีใหม่นี้ (Let Profit Run) อย่างไรก็ตามเราแนะนำให้วางแผนการเตรียมกำหนดจุดวางขายทำกำไรระหว่างสัปดาห์เมื่อสินทรัพย์ถึงเป้าหมายหรือหลุดเส้นแนวโน้มขาขั้นในระยะสั้นเช่น ทองคำ, ดัชนีหุ้นฮ่องกง เป็นต้น
โดยรายละเอียดแผนการลงทุนและกองทุนที่แนะนำให้กับลูกค้าจะมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับระดับการยอมรับความเสี่ยง ผลตอบแทนคาดหวัง ข้อจำกัดในการลงทุนของแต่ละบุคคล และเรามีการคัดเลือกและวิเคราะห์กองทุนที่เหมาะกับการจัดพอร์ตการลงทุนในแต่ละบุคคล
โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ติดต่อทีมงานฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน เพื่อสอบถามรายละเอียดและคำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมกับท่าน ได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 02-026-6875 หรือ อีเมลล์ investment@wealthcertified.co.th
Wealth Certified Investment Team
นาย พันเลิศ เจริญสวรรค์ : นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ ผู้วางแผนการลงทุน
นาย กรวิชญ์ สำเภาสงฆ์ : ผู้วางแผนการลงทุน
อ่านบทความย้อนหลังได้ที่
Weekly Highlight January 2023 – Wealth Certified
2023 Investment Outlook – Wealth Certified
Disclaimer: ข้อมูลและเนื้อหาในเอกสารฉบับนี้ ถูกรวบรวมขึ้นจากแหล่งที่มาที่พิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามทางบริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด ไม่อาจรับประกันความถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน ของเอกสารฉบับนี้รวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ได้ข้อมูลและความคิดเห็นในเอกสารฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ผู้ลงทุนต้องเข้าใจว่า ผลตอบแทนในอดีตไม่สามารถนำเอามาใช้รับประกันผลตอบแทนในปัจจุบันและอนาคตได้ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลขาดทุนจากการลงทุนได้ จึงต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานที่นำเสนอนั้น อาจไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิเช่น ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่จะต้องมีการเรียกเก็บจากผู้ลงทุน เป็นต้น
เอกสารฉบับนี้ไม่ใช่เอกสารเผยแพร่ให้บุคคลทั่วไปและไม่สามารถนำไปแก้ไข ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนหรือทั้งหมดโดยปราศจากความเห็นชอบและอนุญาตจากบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด