สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดเริ่มทรงตัวหลังปรับตัวเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่อง จากความคาดหวังการลดดอกเบี้ยโดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี AI โดยคาดการณ์งบเทคโนโลยีออกมาดี เช่น NVIDIA และทรัมป์ได้มีการกดดันสมาชิกเฟดหลายคนอย่างต่อเนื่องโดยมีทั้งกล่าวว่าและการเรียกร้องให้ลาออก ขณะที่นักลงทุนยังคงติดตามประเด็นตัวเลขตัวเลขเศรษฐกิจเป็นสำคัญอย่างเช่นตลาดแรงงานซึ่งภาพรวมอ่อนแอลงเล็กน้อยแต่ยังแข็งแกร่ง นอกจากนี้การพูดของ Jerome Powell ที่งาน Jackson Hole ที่จะแสดงถึงแนวทางดอกเบี้ยของเฟดเป็นอีกปัจจัยสำคัญ ส่วนตลาดหุ้นจีนก็ปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องหลังมีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องแต่ฟื้นตัวเฉพาะกลุ่มเช่นกลุ่มสินค้าบริโภคกลุ่มเจน Z และกลุ่มเทคโนโลยี AI นอกจากนี้ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวต่อเนื่องจากแผนการลงทุนครั้งใหญ่และการเจรการค้ากับสหรัฐฯบรรลุข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ โดยสหรัฐฯจะเก็บภาษีนำเข้าจาก EU ที่อัตรา 15% ขณะทองคำ น้ำมันทรงตัวอยู่ในกรอบหลังปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์เบาลงแม้มีความเสี่ยง


ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวฟื้นแรง จากนโยบายทรัมป์หนุนกลุ่มเทคโนโลยีและความคาดหวังการลดดอกเบี้ยหลังพาวเวลส่งสัญญานลดดอกเบี้ย ให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรแนวโน้มปรับตัวลดลง ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจและการจ้างงานสหรัฐฯที่ผ่านมาชะลอเพิ่มโอกาสลดดอกเบี้ย ทำให้ Earning Yield Gap โดยรวมมีแนวโน้มกว้างกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
News overview from last week

Monetary Policy and the Fed’s Framework Review

สรุปคำกล่าวพาวเวลล์ – Jackson Hole 2025
เศรษฐกิจสหรัฐฯ แสดงความยืดหยุ่นท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจครั้งใหญ่ โดยตลาดแรงงานยังอยู่ใกล้ระดับการจ้างงานสูงสุด ขณะที่เงินเฟ้อแม้ยังเกินเป้าหมาย แต่ได้ลดลงมากจากช่วงหลังโควิด อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจกำลังเปลี่ยนทิศ
พาวเวลล์ชี้ว่า เศรษฐกิจปีนี้เผชิญแรงกดดันใหม่จากภาษีนำเข้าสูงขึ้นทั่วโลกและนโยบายตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวด ส่งผลให้แรงงานและการเติบโตชะลอตัว โดยตัวเลขการจ้างงานลดลงชัดเจน แต่ยังไม่ก่อให้เกิด “ช่องว่างการว่างงาน” ขณะที่ GDP ครึ่งปีแรกขยายเพียง 1.2% ต่ำกว่าปีก่อนที่ 2.5% ส่วนเงินเฟ้อกลับถูกกดดันขึ้นจากภาษี โดย PCE ล่าสุดอยู่ที่ 2.6% และ Core PCE 2.9% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย เฟดเห็นว่าผลจากภาษีอาจเป็น “การปรับครั้งเดียว” แต่ยังเสี่ยงหากกระทบความคาดหวังเงินเฟ้อ
ในด้านนโยบาย เฟดยอมรับว่าความเสี่ยงต่อการจ้างงานเพิ่มขึ้น ขณะที่เงินเฟ้อยังมีแรงกดดัน ทำให้การตัดสินใจต้อง “ชั่งน้ำหนัก” ทั้งสองเป้าหมาย โดยอัตราดอกเบี้ยอยู่ในโซนตึงตัวแต่ใกล้ระดับเป็นกลางมากขึ้น เฟดพร้อมปรับท่าทีหากข้อมูลบ่งชี้ว่าจำเป็น และย้ำว่าจะไม่เดินตามเส้นทางที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
สำหรับ “กรอบนโยบายการเงิน” (Consensus Statement) ที่ปรับปรุงใหม่ เฟดประกาศยกเลิกยุทธศาสตร์ Flexible Average Inflation Targeting ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2020 กลับสู่ Flexible Inflation Targeting แบบดั้งเดิม เน้นชัดว่า “เป้าเงินเฟ้อคือ 2%” ไม่มีการชดเชยย้อนหลัง และจะเน้นป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อสูงแทน ขณะเดียวกันได้ปรับภาษาการสื่อสารใหม่ เช่น เปลี่ยนจากคำว่า shortfalls ของการจ้างงานเป็น deviations โดยคำว่า shortfalls ที่ใช้ตั้งแต่ 2020 คือเฟดจะกังวลเฉพาะเวลาที่การจ้างงาน “ต่ำกว่าศักยภาพ” แต่ถ้าการจ้างงาน “เกินไป” ก็จะไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ยล่วงหน้า เพราะมองว่าแรงงานสูงเกินยังไม่เป็นปัญหาตราบใดที่เงินเฟ้อยังต่ำ ส่วน Deviations หมายถึง เฟดจะพิจารณา ทั้งสองด้าน ของการเบี่ยงเบนจากระดับการจ้างงานสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการจ้างงาน “ต่ำเกินไป” (unemployment สูง) หรือ “สูงเกินไป” (ตลาดแรงงานร้อนเกินไปจนเสี่ยงเงินเฟ้อ) ก็อาจต้องปรับนโยบายได้ เพื่อสะท้อนความยืดหยุ่นมากขึ้น และย้ำว่าเฟดจะใช้แนวทางสมดุลเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์ที่เป้าหมายการจ้างงานและเงินเฟ้อไม่สอดคล้องกัน
ท้ายที่สุด พาวเวลล์ยืนยันว่าเฟดยังคงมุ่งมั่นรักษาเสถียรภาพราคาและการจ้างงานสูงสุด โดยจะทบทวนกรอบนโยบายทุก ๆ 5 ปีเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจ
source : Speech by Chair Powell on the economic outlook and framework review – Federal Reserve Board
Trump Slams Powell, Calls for Bigger Fed Rate Cuts

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ โจมตี เจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ว่า “ทำอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง” เนื่องจากการรักษาอัตราดอกเบี้ยสูงไว้ ส่งผลให้ผู้คนกู้บ้านได้ยากมากขึ้น และโทนข้อความยังดูเย้ยหยันโดยเรียกพาวเวลล์ว่า “Too Late” อีกด้วย
ทรัมป์ระบุว่า “ไม่มีเงินเฟ้อเลย และทุกสัญญาณชี้ให้เห็นว่าควรมีการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่” โดยข้อความดังกล่าวมาจากโพสต์ในโซเชียลมีเดีย Truth Social
นอกจากนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้ ลิซา คุก ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลาออก หลังถูกกล่าวหาว่าให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยในแอตแลนตาและแอนน์อาร์เบอร์ ซึ่งเป็นการกู้ก่อนเข้ารับตำแหน่งในเฟดในปี 2022 ทรัมป์ใช้โซเชียลมีเดียผลักดันให้มีการสอบสวนโดยกระทรวงยุติธรรม ขณะที่คุกปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันว่าจะไม่ยอมให้ถูกบีบบังคับให้ออกจากตำแหน่ง
U.S. Treasury to Interview 11 Candidates for Next Fed Chair

โดยผู้ที่มีสิทธิได้รับการเลือกมีดังนี้
มิเชลล์ โบว์แมน (Michelle Bowman): สายพิราบ (Dovish) และห่วงใยเศรษฐกิจฐานราก เธอมีประสบการณ์จากธนาคารชุมชน ทำให้เข้าใจเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น ปัจจุบันสนับสนุนให้ ลดดอกเบี้ย เพราะกังวลว่าตลาดแรงงานเปราะบาง และมองว่าเงินเฟ้อเข้าใกล้เป้าหมายแล้ว
ฟิลิป เจฟเฟอร์สัน (Philip Jefferson): สายกลาง (Neutral) และยึดตามข้อมูล ในฐานะรองประธาน Fed เขามีท่าทีสุขุมรอบคอบ มองว่าตลาดแรงงานยังแข็งแกร่งและเงินเฟ้อยังต้องจับตาต่อไป การตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับข้อมูลใหม่ๆ ที่เข้ามา
คริส วอลเลอร์ (Chris Waller): สายพิราบ (Dovish) และต้องการลงมือเร็ว เป็นเสียงสำคัญที่ต้องการให้ ลดดอกเบี้ยทันที เพื่อป้องกันความเสี่ยงของตลาดแรงงานที่เขามองว่าอยู่ “บนขอบเหว” และเชื่อว่าควรจะมองข้ามผลกระทบเงินเฟ้อจากปัจจัยชั่วคราว
เจมส์ บูลลาร์ด (James Bullard): สายพิราบ (Dovish) มองว่า Fed ควบคุมเงินเฟ้อได้สำเร็จแล้ว และมีโอกาส ลดดอกเบี้ยได้อีกมาก ในปีหน้า เพราะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง
source : Fed cut seen near certain after inflation data, Bessent comments | Reuters
Nvidia earnings forecast Q2

Nvidia กำลังจะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2025 ในวันที่ 27 สิงหาคม 2025 โดย คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 45.9 พันล้านดอลลาร์ กำไรต่อหุ้นคาดว่าประมาณ 1.01 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลงประมาณ 20% YOY แต่เพิ่มขึ้นประมาณ 13% QOQ
การคาดการณ์นี้สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่า EPS จะอยู่ที่ประมาณ $0.83 และรายได้ที่ $1.1502 พันล้านดอลลาร์
CEO กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายที่บันทึกมาจากสินค้าคงคลังที่ไม่สามารถขาย ได้และคำสั่งซื้อล่วงหน้าก่อนที่จะมีมาตรการควบคุมการส่งออก ซึ่ง การเสียรายได้ในตลาดจีนทำให้ NVDA สูญเสียตลาดใหญ่ที่มีมูลค่า กว่า US$50bn และสมมติฐานสาคัญว่าจีนไม่สามารถผลิตชิป AI เอง ได้ จึงคาดว่าจะสูญเสียรายได้ H20 ราว US$8.0bn ในไตรมาสนี้
source : https://th.tradingview.com/symbols/NASDAQ-NVDA/forecast/
CrowdStrike earnings forecast Q2

CrowdStrike กำลังจะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2025 ในวันที่ 27 สิงหาคม 2025 โดยรายได้คาดว่าจะอยู่ในช่วง $1.14–1.15 พันล้านดอลลาร์ กำไรต่อหุ้นคาดว่าจะอยู่ในช่วง $0.82–0.84 ลดลงประมาณ 20% YOY แต่เพิ่มขึ้นประมาณ 13% QOQ
การคาดการณ์นี้สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่า EPS จะอยู่ที่ประมาณ $0.83 และรายได้ที่ $1.1502 พันล้านดอลลาร์
การเติบโตของรายได้ในไตรมาสที่ 2 คาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากการนำ Falcon Flex มาใช้และความร่วมมือกับ AWS ประกอบกับการลงทุนในเทคโนโลยี AI และการขยายฐานลูกค้าแต่ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร
source : CRWD การคาดการณ์ — ราคาเป้าหมายสำหรับ2026 — TradingView
SoftBank Backs Intel as Meta Restructures AI Unit
SoftBank Group Corp. ได้ตกลงลงทุนมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในหุ้นของ Intel Corp. โดยจะซื้อหุ้นใหม่ในราคา 23 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาปิดของ Intel ในวันก่อนหน้าเล็กน้อย
ข้อตกลงนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของ SoftBank ที่มุ่งเสริมความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมชิปและปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหลักของ Intel. การลงทุนนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Intel กำลังเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขันในตลาดชิป AI และการผลิตชิปขั้นสูง
การลงทุนนี้ถือเป็นการขยายพอร์ตการลงทุนของ SoftBank ที่มีอยู่แล้วในบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยี เช่น Nvidia และ Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. (TSMC)
source : SoftBank Agrees to Invest $2 Billion in Intel (INTC) as Part of US Push – Bloomberg
Meta กำลังเดินหน้าโครงการปรับโครงสร้างหน่วยงานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ครั้งใหญ่เป็นครั้งที่สี่ในรอบหกเดือน โดยได้รวม Superintelligence Labs ภายใต้ 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ TBD Lab ซึ่งยังไม่ได้กำหนดชื่อแน่ชัด, Products Team ที่ดูแลผลิตภัณฑ์เช่นผู้ช่วย Meta AI, Infrastructure Team ที่รับผิดชอบโครงสร้างพื้นฐาน และ FAIR Lab (Fundamental AI Research) สำหรับวิจัยระยะยาวด้าน AI การปรับโครงสร้างนี้เกิดขึ้นหลังจากการออกจากงานของพนักงานระดับสำคัญและการตอบรับไม่ค่อยดีของโมเดล Llama 4 แบบโอเพนซอร์ส
ควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้าง Meta ได้ลงนามในสัญญาคลาวด์คอมพิวติ้งกับ Google Cloud มูลค่ากว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นระยะเวลา 6 ปี เพื่อใช้บริการเซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ เครือข่าย และบริการคลาวด์อื่น ๆ
source : Meta plans fourth restructuring of AI efforts in six months, The Information reports | Reuters
Economic Calendar

Key Points of the US–EU Framework Trade Agreement
สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปได้บรรลุข้อตกลงกรอบการค้า (framework trade agreement) ที่ตกลงกันตั้งแต่เดือนกรกฎาคม โดยมีสาระสำคัญดังนี้:
สหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าจาก EU ที่ระดับ 15% สำหรับสินค้าส่วนใหญ่ เช่น รถยนต์ ยา เวชภัณฑ์ เซมิคอนดักเตอร์ และไม้ ด้วยการตั้งค่าภาษีนี้แทนจากที่เคยประกาศไว้ถึง 27.5%–30% เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามการค้า
EU ตอบแทนด้วยการเลิกเก็บภาษีสินค้าของสหรัฐฯ บางประเภททั้งหมด ได้แก่ สินค้าอุตสาหกรรม อาหารทะเล และเกษตรกรรม เพื่อเพิ่มความได้เปรียบทางการตลาดในสหรัฐฯ
EU มีข้อตกลงว่าจะซื้อสินค้าอเมริกัน ประกอบด้วย:
•พลังงาน (LNG, น้ำมัน, พลังงานนิวเคลียร์) มูลค่า $750 พันล้าน
•ชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI chips) มูลค่า $40 พันล้าน
•นอกจากนี้ EU สนับสนุนการลงทุน โดยบริษัทยุโรปมีแผนจะลงทุน $600 พันล้าน ในภาคส่วนยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ภายในปี 2028
ข้อตกลงนี้ยังรวมถึงเรื่องการค้าดิจิทัล การป้องกันอุตสาหกรรมเหล็กและอลูมิเนียม และการจัดโควตาอัตราภาษี เพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานระหว่างสองฝั่ง
source : EU pushes for reduced US autos tariff from August 1 as joint text limits exemptions | Reuters
India-China Rapprochement
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดียได้แสดงความยินดีต่อความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับจีน โดยกล่าวว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียและจีนได้ก้าวหน้าอย่างมั่นคง โดยมีการเคารพผลประโยชน์ของกันและกัน” และเขาหวังว่าจะได้เยือนจีนในปลายเดือนนี้ ซึ่งจะเป็นการเยือนครั้งแรกในรอบ 7 ปี เพื่อพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
ในขณะเดียวกัน สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้วิจารณ์การซื้อขายน้ำมันรัสเซียของอินเดีย โดยกล่าวว่า “อินเดียควรพิจารณาผลกระทบด้านเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากการดำเนินการดังกล่าว”
นอกจากนี้ความไม่พอใจของสหรัฐฯ ต่อการที่ครอบครัวที่ร่ำรวยของอินเดียยังคงสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย แม้ว่าจะมีการคว่ำบาตรจากตะวันตกก็ตาม
source : Modi Hails China Ties as Bessent Swipes at India’s Rich Families – Bloomberg
Israel Pushes Gaza Offensive
กองทัพอิสราเอลได้ เริ่มดำเนินการเบื้องต้น ของการโจมตีเพื่อตั้งมั่นควบคุม นครกาซา (Gaza City) โดยทหารได้เข้าถือจุดสำคัญบริเวณรอบนอกนครแล้ว และกล่าวว่ากลุ่มฮามาสกำลังอยู่ในสถานะ “บอบช้ำและอ่อนแอ”
มีการ เรียกทหารสำรองจำนวนหลายหมื่นคน เพื่อเตรียมการดำเนินการทางทหารครั้งใหม่ โดยตามรายงานของกองทัพ ทหารสำรองเหล่านี้จะเข้าประจำการตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป เพื่อเปิดช่องให้มีความพยายามเจรจาหยุดยิงก่อนหน้านั้นได้
การเรียกทหารสำรองดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการใหม่ที่มีจุดประสงค์ชัดเจนในการยึดนครกาซา แม้จะมี ข้อเสนอหยุดยิงระยะ 60 วัน จากฝ่ายกลาง (ประเทศอียิปต์และกาตาร์) ซึ่งได้รับการตอบรับจากฮามาส แต่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของอิสราเอล
source : Israel says it has taken first steps of military operation in Gaza City | Reuters
Trump’s Ukraine Plan: No US Ground Troops, Only Air Support
ทรัมป์ยืนยันไม่ส่งทหารสหรัฐฯ ไปยูเครน แต่เปิดทางให้การสนับสนุนทางอากาศ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐฯ จะไม่ส่งทหารภาคพื้นดินไปยังยูเครน แต่เปิดโอกาสให้การสนับสนุนทางอากาศเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย เช่น การจัดหาอาวุธป้องกันภัยทางอากาศหรือการบังคับใช้เขตห้ามบิน (no-fly zone) โดยทรัมป์กล่าวว่า “เมื่อพูดถึงความมั่นคง (ชาวยุโรป) ยินดีที่จะส่งทหารไปภาคพื้นดิน แต่เรายินดีที่จะช่วยพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง… ทางอากาศ”
เซเลนสกีชื่นชมการประชุมที่ไวท์เฮาส์เป็นก้าวสำคัญสู่สันติภาพ
ประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี กล่าวว่าการประชุมกับทรัมป์และผู้นำยุโรปที่ไวท์เฮาส์เป็น “ก้าวสำคัญ” ในการยุติสงคราม โดยมีการหารือเกี่ยวกับการรับประกันความมั่นคงของยูเครน ซึ่งรวมถึงการจัดหาอาวุธมูลค่า 90,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เช่น เครื่องบินและระบบป้องกันภัยทางอากาศ และการซื้อโดรนยูเครนในอนาคต
รัสเซียปัดยืนยัน ไม่มีการประชุมในเวลานี้จนกว่าจะมีความชัดเจน 3 เรื่องหลัก
NATO → ยูเครนต้องล้มเลิกความฝันเข้าพันธมิตรตะวันตก
ภาษา → ยูเครนต้องเปิดทางให้คนพูดรัสเซียมากขึ้น
เขตแดน → ต้องคุยเรื่องดินแดนที่รัสเซียยึดไป ว่าจะ “ยอมรับหรือไม่”
📅 การประชุมผู้นำระดับสูงอาจเกิดขึ้นในฮังการี
มีการเตรียมการประชุมระหว่างประธานาธิบดีปูตินและเซเลนสกีในฮังการี โดยมีทรัมป์เป็นผู้ประสานงาน ซึ่งอาจนำไปสู่การประชุมสามฝ่าย เพื่อหารือเกี่ยวกับการยุติสงครามอย่างเป็นทางการ
source : Trump says US may provide air support to back a Ukraine peace deal | Reuters
Japan’s exports drop most in 4 years on US tariffs
รายละเอียดสำคัญ:
การส่งออกสู่สหรัฐฯ: ลดลง 10.1% โดยการส่งออกยานยนต์ลดลง 28.4% แม้ว่าปริมาณการส่งออกจะลดลงเพียง 3.2% เนื่องจากผู้ผลิตญี่ปุ่นพยายามดูดซับต้นทุนเพิ่มเติมจากภาษี
การส่งออกสู่จีน: ลดลง 3.5%
การนำเข้า: ลดลง 7.5% ส่งผลให้ญี่ปุ่นมีดุลการค้าขาดดุล 117.5 พันล้านเยน (ประมาณ 795.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งตรงข้ามกับความคาดหวังของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะมีดุลการค้าเกินดุล
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ: แม้ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาสเมษายน-มิถุนายนจะขยายตัวดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่การลดลงของการส่งออกและการขาดดุลการค้าอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตในระยะต่อไป
source : Japan exports drop 2.6% year/year in July | Reuters
US Doubts Push Japan to Consider Nuclear Option
ผลกระทบจากนโยบายต่างประเทศที่ไม่แน่นอนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังกระตุ้นให้ญี่ปุ่นพิจารณาทบทวนแนวทางด้านนิวเคลียร์ของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความท้าทาย
ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศเดียวที่เคยถูกโจมตีด้วยระเบิดนิวเคลียร์ในสงครามโลกครั้งที่สอง ได้ยึดมั่นในหลักการ “สามประการไม่ใช่นิวเคลียร์” ตั้งแต่ปี 1967 แต่การขยายตัวของอาวุธนิวเคลียร์ของจีน การทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ และความไม่แน่นอนในความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ กำลังผลักดันให้ผู้นำญี่ปุ่น เช่น นายรุนิ มัตสึคาวะ สมาชิกพรรคเสรีประชาธิปไตย เริ่มพิจารณาทางเลือกใหม่
แม้ว่าการสนับสนุนสาธารณะในญี่ปุ่นสำหรับการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์จะยังคงจำกัด แต่ทัศนคติของคนรุ่นใหม่กำลังเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในบริบทของการรักษาความมั่นคงของชาติ
ญี่ปุ่นมีเทคโนโลยีและวัสดุนิวเคลียร์ที่สามารถพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ถูกมองว่าเป็น “รัฐที่มีศักยภาพนิวเคลียร์” แม้ว่าจะไม่มีแผนการดังกล่าวในขณะนี้ แต่การหารือเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักการ “สามประการไม่ใช่นิวเคลียร์” และการพิจารณาการมีอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ บนแผ่นดินญี่ปุ่น กำลังเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความวิตกกังวลของญี่ปุ่นเกี่ยวกับความมั่นคงในภูมิภาค และความจำเป็นในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไป
source : Trump shock spurs Japan to think about the unthinkable: nuclear arms | Reuters
กองทุนเสนอขายครั้งแรก และการจัดอันดับกองทุนพักเงิน


จัดอันดับกองทุนพักเงินประจำสัปดาห์ วันที่ 25 สิงหาคม 2568 ประเภทกองทุนตลาดเงิน ตราสารหนี้ระยะสั้น และตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว โดยเรียงตามอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี



ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ https://wealthcertified.co.th/market-update/
Disclaimer
ข้อมูลและเนื้อหาในเอกสารฉบับนี้ ถูกรวบรวมขึ้นจากแหล่งที่มาที่พิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามทางบริษัทนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด ไม่อาจรับประกันความถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบันของเอกสารฉบับนี้ รวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ ข้อมูลและความคิดเห็นในเอกสารฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ผู้ลงทุนต้องเข้าใจว่า ผลตอบแทนในอดีตไม่สามารถนำเอามาใช้รับประกันผลตอบแทนในปัจจุบันและอนาคตได้ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลขาดทุนจากการขาดทุนได้ จึงต้องทำความเข้าใจลักษณะผลิตภัณฑ์ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานที่นำเสนอนั้น อาจไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิเช่น ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จะต้องมีการเรียกเก็บจากผู้ลงทุน เป็นต้น
เอกสารฉบับนี้ไม่ใช่เอกสารเผยแพร่ให้บุคคลทั่วไปและไม่สามารถนำไปแก้ไข ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนหรือทั้งหมด โดยปราศจากความเห็นชอบและอนุญาตจากบริษัทนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด