สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกยังปรับขึ้นได้ดีต่อเนื่อง หลังการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯและการแถลงของประธานเฟดที่มองเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงเติมโตได้ดี ขณะที่เงินเฟ้อยังอยู่ในภาวะที่ควบคุมได้ นอกจากนี้ประเด็นข่าวในช่วงสัปดาห์มีข่าวสนับสนุนหุ้นเทคโนโลยีหลังมีข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเกี่ยวกับการขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯและการเข้าซื้อหุ้นของ Nvidia ใน Intel
ขณะที่จีนเองก็มีข่าวการเร่งการลงทุนด้านการผลิตชิประดับสูงในประเทศเมื่อลดดการพึ่งพาสหรัฐ ทำให้ภาพรวมหุ้นทั่วโลกที่มีความเกี่ยวข้องกับหุ้นเทคโนโลยีปรับขึ้นได้ดี ขณะที่ปัจจัยความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงมีความตึงเครียดมากขึ้น ประกอบกับปัจจัยการเมืองในรายประเทศและเส้นตายการค้าที่ใกล้เข้ามาระหว่างสหรัฐฯและจีนยังคงหนุนสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำต่อเนื่อง ส่วนดอลลาร์ยังคงมีแนวโน้วอ่อนค่าต่อเนื่อง


ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นได้ดีในสัปดาห์ที่ผ่านมาค่า PE ปรับลดลง ขณะที่ Bond Yield หลายประเทศส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่ปรับตัวลงมาต่อเนื่องตอบรับการลดดอกเบี้ย ทำให้ Earning Yield Gap โดยรวมมีแนวโน้มทรงตัวในกรอบทั้งหุ้นและบอนด์แต่แคบกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
News overview from last week

Trump-Linked Fed Moves: Miran Confirmed, Cook Protected
ประเด็นสำคัญ
วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ลงมติยืนยันการแต่งตั้ง Stephen Miran อดีตที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดี Donald Trump ให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ด้วยคะแนนเสียง 48 ต่อ 47 โดยมีพรรครีพับลิกันสนับสนุนเกือบทั้งหมด ยกเว้นเพียง Lisa Murkowski วุฒิสมาชิกจากอลาสก้าที่คัดค้าน
source : Trump economic adviser Miran gets Senate nod to join Fed board | Reuters
ศาลอุทธรณ์ของสหรัฐฯ ปฏิเสธคำขอของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการถอดถอนผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) นางลิซา คุก ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตั้งแต่การก่อตั้ง Fed ในปี 1913
ศาลเห็นว่า ข้อกล่าวหาที่ทรัมป์อ้างว่า คุกกระทำการฉ้อโกงจำนองก่อนเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งคุกปฏิเสธนั้น ยังไม่เพียงพอที่จะเป็นเหตุผลตามกฎหมายในการถอดถอนผู้ว่าการ Fed ภายใต้เงื่อนไข “for cause” ที่กำหนดไว้
source : US appeals court rejects Trump bid to oust Fed’s Lisa Cook | Reuters
Fed’s “Risk Management” Rate Cut
ประเด็นสำคัญจากคำพูดของ Jerome Powell
เขาอธิบายว่าการลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการลดแบบ “risk management cut” — ลดเพราะต้องการจัดการความเสี่ยง โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่มีสัญญาณอ่อนตัว
แต่ Powell ก็เน้นว่าแม้จะลดดอกเบี้ยแล้ว “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน” ในการลดเพิ่มเติม — คือมีแนวโน้มที่จะดำเนินนโยบายแบบ ค่อยเป็นค่อยไป และมี “meeting-by-meeting basis”
เขายังพูดถึง “ไม่มีเส้นทางที่ปลอดความเสี่ยงทั้งหมด” (“There are no risk-free paths … It’s not incredibly obvious what to do”) — แสดงว่า Fed ตระหนักดีว่านโยบายใด ๆ ก็มี trade-off ระหว่างการสนับสนุนตลาดแรงงาน vs ควบคุมเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ Powell ชี้ว่า ตลาดแรงงาน (labor market) มีสัญญาณอ่อน เช่นการจ้างงานใหม่ต่ำกว่า “break-even rate” ที่จำเป็นเพื่อรักษาอัตราการว่างงานไม่ให้สูงขึ้น และกลุ่มคนที่อ่อนไหวกว่า เช่น คนหนุ่มสาว / ชนกลุ่มน้อยได้รับผลกระทบมากขึ้น
สรุปได้ว่า การประชุม FOMC ครั้งล่าสุด Fed ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% เหลือ 4.00–4.25% ตามที่ตลาดคาด โดยให้เหตุผลว่าความเสี่ยงด้านการจ้างงานเพิ่มขึ้น แม้ภาพเศรษฐกิจและเงินเฟ้อยังไม่ได้แย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่การลดดอกเบี้ยถือเป็นการบริหารความเสี่ยงมากกว่าการเริ่มต้นรอบลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่ จุดที่ตลาดจับตามากคือ Stephen Miran กรรมการที่เพิ่งเข้ามาจากการผลักดันของ Trump โหวตต้องการลดถึง 0.50% ซึ่งสะท้อนบทบาทใหม่ที่อาจทำให้ Fed มีทิศทางผ่อนคลายมากขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อ Powell หมดวาระและตำแหน่งประธาน Fed เปิดกว้าง ทั้งนี้ Dot Plots ชี้ว่า Fed มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยต่ออีกเพียงไม่กี่ครั้ง ไม่ได้เร่งลดตามที่ตลาดหวัง ขณะที่ Powell ย้ำจะประเมินสถานการณ์แบบประชุมต่อประชุม ทำให้มุมมองของ Fed คือการคุมเสถียรภาพ ไม่ได้เปิดทางผ่อนคลายแรงในทันที และอาจเป็นจุดพักของตลาดหุ้นสหรัฐในระยะสั้น.


source : Summary of Economic Projections, September 17, 2025
Economic Calendar

Bank of England (BoE)
ประเด็นสำคัญ
อัตราดอกเบี้ยยังคงที่ที่ 4%
BoE ตัดสินใจ ไม่เปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย (Bank Rate) ซึ่งยังอยู่ที่ 4% หลังจากที่ลดลงมาในเดือนก่อนหน้านี้
ลดความเร็วการลดขนาดงบดุล / Quantitative Tightening (QT)
BoE จะชะลอการลดขนาดของพันธบัตรรัฐบาล (“bond rundown”) จากประมาณ £100 พันล้านต่อปี เหลือประมาณ £70 พันล้านระหว่าง ต.ค. 2025 ถึง ก.ย. 2026
ปรับยุทธศาสตร์ขายพันธบัตรในกลุ่มอายุยาว (long-dated gilts) ลดลงเพื่อลดผลกระทบต่อตลาดพันธบัตรซึ่งมีความผันผวนสูง
เงินเฟ้อยังคงอยู่
Inflation ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 3.8% ในเดือนสิงหาคม ซึ่งสูงกว่าตัวเป้าหมายของ BoE ที่ 2% มาก
คาดว่าเงินเฟ้อจะขึ้นสูงสุดที่ 4% รอบเดือนกันยายน แล้วลดลงสู่เป้าหมายประมาณกลางปี 2027
ท่าทีของตลาดและโบรกเกอร์
โบรกเกอร์ใหญ่หลายแห่ง เช่น Goldman Sachs, J.P. Morgan, Morgan Stanley, Bank of America มองว่าไม่น่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีนี้ หลังจากที่เดือนกันยายน BoE เลือกที่จะ “hold”
บางสถาบันมีมุมมองว่า การลดอัตราอาจเกิดขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2026 หากข้อมูลเศรษฐกิจแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ เสียงแตกในคณะกรรมาธิการทางการเงิน (Monetary Policy Committee, MPC)
มีสมาชิกใน MPC บางคนยังคงกังวลเรื่องเงินเฟ้อและไม่อยากลดดอกเบี้ยเร็วเกินไป
ฝ่ายที่ต้องการลดดอกเบี้ยเร่งด่วนมีอยู่ แต่ยังไม่ได้มีเสียงข้างมากพอ
source : Bank of England cuts rates to 4.25% as it sees tariff hit to growth | Reuters
Bank of Japan (BOJ)
ประเด็นสำคัญ
อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.5% และไม่มีการขึ้นในรอบประชุมล่าสุด
BOJ ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้นไว้ที่ 0.5% ตามที่คาดไว้
เริ่มขายสินทรัพย์เสี่ยง (ETFs และ REITs)
BOJ จะเริ่มปล่อยขาย ETF และ REITs ที่เคยถือครองไว้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการค่อย ๆ ถอนตัวออกจากนโยบายการเงินผ่อนคลายแบบจัดหนัก
อัตราการขายคาดว่าจะอยู่ที่ ประมาณ 330 พันล้านเยนต่อปีสำหรับ ETF และ 5 พันล้านเยนต่อปีสำหรับ
เสียงแตกภายในคณะกรรมการนโยบายการเงิน
มีคณะกรรมการ BOJ บางคนไม่เห็นด้วยกับการ “ถืออัตราดอกเบี้ยไว้” และเสนอให้ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 0.75%
การมีเสียง dissent บอกถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นภายใน BOJ ในการปรับนโยบายให้เข้ากับภาวะเงินเฟ้อที่อยู่เหนือเป้าหมายและความเสี่ยงจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า
แนวโน้มในอนาคตและความคาดหวัง
นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่า BOJ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วง ไตรมาสที่ 4 ของปี 2025
แต่ก็มีความระมัดระวังสูงเนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ภาษีการค้า (US tariffs) ที่อาจกระทบเศรษฐกิจญี่ปุ่น และข้อมูลเงินเฟ้อโดยเฉพาะราคาอาหารที่อาจอยู่สูงนานกว่าคาด
source : BOJ keeps interest rates steady, decides to start selling ETFs | Reuters
People’s Bank of China (PBOC)
ประเด็นสำคัญ
จีนคงดอกเบี้ย เงินกู้เบื้องต้น (LPR) ไว้เท่าเดิมในเดือนกันยายน
One-year LPR คงที่ที่ 3.00%
Five-year LPR คงที่ที่ 3.50%
ถือเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันที่ไม่เปลี่ยนแปลงอัตราเหล่านี้
ดอกเบี้ย reverse repo ระยะสั้น (7-วัน) ยังไม่เปลี่ยนแปลง
PBOC ยังคงอัตรา 7-day reverse repo ที่ 1.40%
การตัดสินใจนี้มาจากการประเมินว่าเศรษฐกิจจีนชะลอตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องใช้มาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่ทันที
เศรษฐกิจภายในประเทศมีสัญญาณชะลอตัว
กำลังผลิตภาคโรงงานยอดต่ำ, ยอดขายปลีกชะลอ และยอดสินเชื่อใหม่ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีในเดือนกรกฎาคม
อย่างไรก็ตามส่งออกยังพอทนทานและตลาดหุ้นจีนมีการฟื้นตัวบางส่วน ซึ่งช่วยให้รัฐบาลจีนยังไม่รีบทำมาตรการเยอะ
แนวโน้มต่อไป ‒ อาจมีการปรับลดดอกเบี้ย, RRR (Reserve Requirement Ratio) ถ้าจำเป็น
นักวิเคราะห์คาดว่า ถ้าเศรษฐกิจหนักกว่านี้ อาจมีการลดอัตราดอกเบี้ยหรือปรับลดสัดส่วนเงินทุนสำรองของธนาคาร (RRR) ในไตรมาส 4 ของปีนี้
แต่ก็มีความระมัดระวัง ไม่อยากให้ “บวม” ตลาดหุ้น หรือให้ค่าเงินหยวนอ่อนมากเกินไปจากการผ่อนคลายนโยบาย
source : China keeps lending rates unchanged in Sept as trade tensions ease | Reuters
Trump-Xi reach preliminary TikTok US sale agreement
ประเด็นสำคัญ
ทรัมป์ โพสต์บน Truth Social ว่า เขาและสีจิ้นผิง ได้คุยทางโทรศัพท์กันเมื่อวันที่ 19 กันยายน และได้มีการอนุมัติข้อตกลงเกี่ยวกับอนาคตของ TikTok ในสหรัฐฯแล้ว
ทรัมป์บอกว่าเป็นการพูดคุยที่ให้ผลลัพธ์ที่ดี และเขา “ชื่นชม” ที่สีจิ้นผิงอนุมัติดีลดังกล่าว ยังต้องมี การลงนามข้อตกลงอย่างเป็นทางการ ทรัมป์ยืนยันว่าสหรัฐฯ จะ ควบคุมการดำเนินงานของ TikTok อย่างเข้มงวด
ฝั่งจีนยังสงวนท่าที
สำนักข่าว Xinhua (จีน) ยัง ไม่ได้ยืนยันอย่างชัดเจน ว่าสีจิ้นผิงอนุมัติดีลตามที่ทรัมป์อ้าง
สีกล่าวว่า ปักกิ่ง “ยินดีที่ได้เจรจาในประเด็นเกี่ยวกับ TikTok” มากกว่าเป็นการรับรองข้อตกลงแล้วเสร็จ
ใครจะได้อะไร
ถ้าข้อตกลงเกิดขึ้นจริง TikTok ธุรกิจในสหรัฐฯ จะถูกขายให้กับกลุ่มนักลงทุนสหรัฐฯ
มีการพูดถึงชื่อบริษัทที่อาจเข้ามาร่วม เช่น Oracle ซึ่งเป็นพันธมิตรของทรัมป์
ถึงอย่างนั้น TikTok คาดว่าจะยังสามารถใช้ “อัลกอริทึม” ที่ได้รับอนุญาตจากบริษัทแม่ (Bytedance) ของจีนได้
กำหนดเวลา: ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ขยายกำหนดเวลาสำหรับการดำเนินการขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ไปจนถึงวันที่ 16 ธันวาคม 2025 เพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการดำเนินการตามข้อตกลง และทรัมป์บอกว่าจะไปพบกับสีจิ้นผิงในการประชุมสุดยอดเอเปก (APEC) ที่เกาหลีใต้ ปลายเดือนตุลาคม และยังมีแผนว่า สีจะเยือนสหรัฐฯ ในเวลาที่ “เหมาะสม”
source : China says US TikTok deal a ‘win-win’, will review app’s technology and IP transfers | Reuters
A New Chip Powerhouse: Nvidia and Intel Partner Up
ประเด็นสำคัญ
Nvidia ลงทุน 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณหลายแสนล้านบาท) เพื่อซื้อหุ้นใน Intel
หลังการออกหุ้นใหม่ Nvidia จะกลายเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Intel โดยถือประมาณ 4%
สร้างความร่วมมือด้านการออกแบบชิปสำหรับ PC และศูนย์ข้อมูล (data centers)
Intel จะยังไม่รับหน้าที่ผลิตชิปสำหรับ Nvidia โดยตรง (ไม่ใช่ foundry สำหรับผลิต GPU ของ Nvidia) แต่จะรับหน้าที่ผลิตชิปซีพียูของตัวเองและการประกอบแพ็กเกจแบบ advanced packaging ให้กับผลิตภัณฑ์ที่ร่วมกันกับ Nvidia
Nvidia จะใช้เทคโนโลยีเฉพาะของตัวเอง (proprietary) เพื่อให้ชิปของ Intel และ Nvidia ติดต่อสื่อสารกันได้ด้วยความเร็วสูงขึ้น
ซึ่งปัจจุบัน Intel กำลังอยู่ในสถานะ “กำลังฟื้นตัว” หลังจากหลายปีที่ความพยายามในการเปลี่ยนแปลงภายในยังไม่ประสบผลเต็มที่
บริษัทได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากหลายแหล่ง ก่อนหน้านี้ได้ลงทุนจาก Softbank มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ และรัฐบาลสหรัฐฯ เข้ามามีส่วนร่วมด้วยการซื้อหุ้นของ Intel มูลค่ารวมหลายพันล้านดอลลาร์
ในภาพรวมการที่ Nvidia หนุนหลัง Intel แบบนี้อาจกระทบคู่แข่งอย่าง TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปสำคัญของ Nvidia ปัจจุบัน AMD และ Broadcom ก็อาจได้รับผลกระทบจากโครงสร้างการแข่งขันใหม่ที่เกิดขึ้น
รวมถึงอาจเปลี่ยนตำแหน่งของ Intel จาก “ผู้ตาม” ด้าน AI กลายเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในโครงสร้างพื้นฐาน AI (AI infrastructure)
แต่ในรายละเอียดยังไม่มีการเปิดเผยชัดเจนว่า ผลิตภัณฑ์ที่ร่วมกันจะออกตลาดเมื่อไร
ความร่วมมือนี้ไม่รวมถึงธุรกิจ foundry ของ Intel ที่ผลิตให้ลูกค้าภายนอกในส่วนของ GPU ของ Nvidia
source : Nvidia takes $5 billion stake in Intel, offers chip tech in new lifeline to struggling chipmaker | Reuters
China’s Big Bet on EV’s and Batteries Fuels CATL’s Rally
ประเด็นสำคัญ
หุ้น CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ที่สุดของโลก ทำสถิติราคาสูงสุดใหม่ หลังรัฐบาลจีนประกาศอัดฉีดกว่า 35,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.1 ล้านล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนการติดตั้งระบบพลังงานสำรองและยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ แผนพลังงานสำรองดังกล่าวตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตจาก 95 กิกะวัตต์ในกลางปี 2025 เป็น 180 กิกะวัตต์ภายในปี 2027 หรือเติบโตเกือบ 90% ในเวลาไม่ถึงสองปี ความเชื่อมั่นต่อตลาดยังได้แรงหนุนจากการปรับเพิ่มคำแนะนำของโบรกเกอร์ชั้นนำ เช่น JPMorgan ที่มองว่าดีมานด์ด้านการกักเก็บพลังงานจะหนุนการเติบโตของกำไร CATL ต่อเนื่อง
ในฝั่งยานยนต์ จีนตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ปี 2025 ที่ 32.3 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน โดยรถพลังงานใหม่ต้องโตถึง 20% พร้อมมาตรการกระตุ้นทั้งฝั่งอุปสงค์และอุปทาน เช่น การเปลี่ยนรถเก่าเป็นรถใหม่ และการต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ ส่งผลให้หุ้นผู้ผลิตรถไฟฟ้าอย่าง Li Auto, BYD, XPeng และ Nio ปรับตัวขึ้น ขณะที่หุ้นผู้ผลิตลิเธียมรายใหญ่อย่าง Tianqi และ Ganfeng ก็พุ่งแรงตามทิศทางบวก
สำหรับ CATL ปัจจัยหนุนเชิงโครงสร้างยังแข็งแกร่ง ทั้งส่วนแบ่งตลาดแบตเตอรี่ในจีนที่สูงกว่า 42% ห่วงโซ่อุปทานที่คลี่คลายจากการกลับมาเดินเครื่องเหมืองลิเธียม และการขยายกำลังผลิตในยุโรป โดยโรงงานที่ฮังการีจะเริ่มเดินสายต้นปี 2026 เสริมฐานจากโรงงานในเยอรมนี ภาพรวมสะท้อนว่าการพุ่งขึ้นของหุ้นไม่ได้เกิดจากมาตรการรัฐเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจากการวางรากฐานธุรกิจระยะยาวที่มั่นคงของ CATL และการเดินเกมเชิงยุทธศาสตร์ของจีนในการสร้างระบบนิเวศด้านพลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจร
source : China aims to nearly double battery storage by 2027 in $35 billion plan | Reuters
Meta’s New Smart Glasses: A Step Towards “Superintelligence”
ประเด็นสำคัญ
Meta ได้เปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะรุ่นใหม่ที่มีหน้าจอแสดงผลในตัว ชื่อว่า Meta Ray-Ban Display ในงาน Connect Conference ที่เมืองเมนโลพาร์ก รัฐแคลิฟอร์เนีย
คุณสมบัติเด่นของ Meta Ray-Ban Display
หน้าจอดิจิทัลในเลนส์ขวา: แสดงการแจ้งเตือนและข้อมูลพื้นฐานอื่นๆ
คอนโทรลเลอร์ข้อมือ: แปลงการเคลื่อนไหวของมือเป็นคำสั่ง เช่น การตอบข้อความและสายเรียกเข้า
ราคา: เริ่มต้นที่ 799 ดอลลาร์สหรัฐฯ(25,428.57บาท) และวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2025
การออกแบบ: ร่วมมือกับแบรนด์ Ray-Ban และ Oakley เพื่อสร้างอุปกรณ์ที่สวมใส่ได้ง่ายและสวยงาม
วิสัยทัศน์ของ Mark Zuckerberg
Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta กล่าวว่า แว่นตาอัจฉริยะเหล่านี้เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการบรรลุ “superintelligence” หรือปัญญาประดิษฐ์ส่วนบุคคลที่สามารถช่วยให้ผู้ใช้มีความสามารถในการสื่อสารที่ดีขึ้น ปรับปรุงความจำ และรับรู้สิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น โดยไม่ต้องละสายตาจากสิ่งที่อยู่รอบตัว
ความคาดหวังและความท้าทาย
แม้ว่า Meta จะเป็นผู้นำในการพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะ แต่ยังคงตามหลังคู่แข่งอย่าง OpenAI และ Google ในด้านการพัฒนาโมเดล AI ขั้นสูง นักวิเคราะห์มองว่าแว่นตา Meta Ray-Ban Display เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ Meta ก้าวไปสู่การเปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะรุ่นถัดไปที่มีความสามารถสูงขึ้นในปี 2027
source : Meta launches smart glasses with built-in display, reaching for ‘superintelligence’ | Reuters
CrowdStrike Unveils Next-Gen Identity Security
ประเด็นสำคัญ
ประกาศล่าสุดของ CrowdStrike (CRWD) และฟีเจอร์ใหม่ของแพลตฟอร์ม Falcon Next-Gen Identity Security จากงาน Fal.Con 2025:
สรุปฟีเจอร์ใหม่ 3 ประการ
FalconID
ระบบ ยืนยันตัวตนหลายปัจจัยแบบไร้รหัสผ่าน (Passwordless MFA) ที่ใช้มาตรฐาน FIDO2
ป้องกันการโจมตีแบบ ฟิชชิ่ง
ทำงานผ่าน แอป Falcon for Mobile และตรวจสอบข้อมูลผู้ใช้และอุปกรณ์แบบ เรียลไทม์ ก่อนให้เข้าถึงระบบ
สรุปง่าย ๆ: เป็นระบบล็อกอินอัจฉริยะที่ไม่ต้องใช้รหัสผ่าน แต่ปลอดภัยและรู้ทันพฤติกรรมผู้ใช้
Falcon Privileged Access (PAM)
ปรับปรุงการจัดการการเข้าถึงสำหรับผู้ใช้ระดับพิเศษ เช่น แอดมิน
ทำงานร่วมกับ Microsoft Teams และ Fusion SOAR
สามารถ อนุมัติหรือเพิกถอนสิทธิ์โดยอัตโนมัติ และมองเห็นรูปแบบการเข้าถึงแบบเรียลไทม์
สรุปง่าย ๆ: ระบบช่วยจัดการสิทธิ์ของผู้ใช้สำคัญโดยอัตโนมัติและตรวจสอบแบบเรียลไทม์ ลดความเสี่ยงจากการเข้าถึงเกินจำเป็น
การจัดการเคสตามข้อมูล Identity
รวมข้อมูลจากการตรวจจับภัยคุกคามทั้งหมดให้เป็น เคสเดียวใน SIEM
ใช้ ข้อมูลเทเลเมทรี จากอุปกรณ์ปลายทาง, คลาวด์ และซอฟต์แวร์เพื่อให้เข้าใจบริบทของการโจมตี
สรุปง่าย ๆ: เป็นเหมือน “ศูนย์รวมข้อมูลภัยคุกคาม” ที่ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยเห็นภาพรวมทั้งหมดในที่เดียว
source : CrowdStrike เปิดตัวฟีเจอร์ความปลอดภัยด้าน Identity ในงาน Fal.Con 2025 โดย Investing.com
Trump, Modi hold positive trade talks amid oil dispute
ประเด็นสำคัญ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้โทรศัพท์หารือนายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี เพื่อคลี่คลายความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะเรื่องภาษีศุลกากรและการนำเข้าน้ำมันรัสเซีย
ทั้งสองฝ่ายมองว่าการเจรจาครั้งนี้เป็นไปในเชิงบวก หลังจากที่ทรัมป์ได้เพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าอินเดียเป็น 50% เพื่อตอบโต้มาตรการทางการค้าของนิวเดลีและการซื้อพลังงานจากรัสเซีย โมดีกล่าวว่าอินเดียสนับสนุนความพยายามของทรัมป์ในการแก้ปัญหาสงครามยูเครนอย่างสันติและมุ่งมั่นยกระดับความร่วมมือกับสหรัฐฯ ให้ครอบคลุมและมีระดับโลกมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าทั้งสองฝ่ายจะแก้ปัญหาการซื้อน้ำมันรัสเซียอย่างไร โดยทรัมป์ยังกดดันพันธมิตรอื่น ๆ รวมถึง G7 ให้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่ออินเดียและจีน ซึ่งอาจซับซ้อนต่อความพยายามฟื้นฟูข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ
โมดีกล่าวในโพสต์บน X ก่อนหน้านี้ว่าอินเดียสนับสนุน “ความคิดริเริ่มของทรัมป์ในการแก้ไขปัญหายูเครนอย่างสันติ” ก่อนหน้านี้: สหรัฐฯ และอินเดียกล่าวว่าการเจรจาการค้าเป็นไปในทาง ‘บวก’ ขณะที่ทั้งสองประเทศพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์
source : Trump, Modi Speak in Bid to Ease Clash Over Tariffs, Russian Oil – Bloomberg
Trump UK visit sparks tech investments, minor protests
ประเด็นสำคัญ
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางเยือนสหราชอาณาจักรในวันที่ 16 กันยายน 2568 สำหรับการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ โดยเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงรัฐสองครั้งในอังกฤษ พร้อมกับนางเมลานีอา ทรัมป์ และได้รับการต้อนรับจากรัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร วิเวตต์ คูเปอร์ การเยือนครั้งนี้รวมถึงพิธีต้อนรับที่ปราสาทวินด์เซอร์และการพบปะกับนายกรัฐมนตรีคีร์ สตาร์เมอร์ที่เชเกอร์ส โดยมีเป้าหมายหลักในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการลงทุนระหว่างสองประเทศ
ในโอกาสนี้ บริษัทเทคโนโลยีใหญ่หลายแห่งประกาศลงทุนในสหราชอาณาจักร Microsoft จะลงทุนกว่า 30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงสี่ปีข้างหน้า รวมถึงการขยายโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์และ AI และพัฒนาซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษในเมืองโลตัน ส่วน Nvidia และ OpenAI จะติดตั้ง GPU จำนวนมากเพื่อสนับสนุนโครงการ “Stargate” ขณะที่ Google ลงทุน 5 พันล้านปอนด์ในศูนย์ข้อมูลใกล้ลอนดอน ซึ่งคาดว่าจะสร้างงานราว 8,250 ตำแหน่งต่อปี
อย่างไรก็ตาม การเยือนก็เกิดความขัดแย้งเชิงสาธารณะ มีผู้ถูกจับสี่คนหลังจากฉายภาพทรัมป์คู่กับเจฟฟรีย์ เอพสเตนไปที่ปราสาทวินด์เซอร์ ซึ่งสร้างความสนใจในอดีตความสัมพันธ์ของทรัมป์ ขณะที่ทำเนียบขาวปฏิเสธความถูกต้องของจดหมายที่อ้างว่าเป็นของทรัมป์
นายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์มองว่าการเยือนครั้งนี้เป็นโอกาสในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและดึงดูดการลงทุนจากสหรัฐฯ โดยมุ่งเน้นการฟื้นฟูภาคบริการการเงิน เทคโนโลยี และพลังงานของสหราชอาณาจักร พร้อมกับใช้การเยือนนี้เบี่ยงเบนความสนใจจากความท้าทายทางการเมืองในประเทศ เช่น การปลดเจ้าหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับคดีเอพสเตน
source : UK and US agree $42 billion tech pact to mark Trump’s visit | Reuters
Trump okays first Ukraine arms via NATO-backed PURL
ประเด็นสำคัญ
เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2025 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้อนุมัติแพ็กเกจความช่วยเหลือด้านอาวุธครั้งแรกสำหรับยูเครนภายใต้กลไกการเงินใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรนาโต
รายละเอียดของความช่วยเหลือ
กลไกการจัดหา: การช่วยเหลือนี้ดำเนินการผ่าน “Prioritized Ukraine Requirements List” (PURL) ซึ่งเป็นกลไกที่พัฒนาโดยสหรัฐฯ และพันธมิตรนาโต เพื่อให้ยูเครนได้รับอาวุธจากคลังของสหรัฐฯ โดยใช้เงินทุนจากประเทศพันธมิตร
มูลค่าของแพ็กเกจ: รองปลัดกระทรวงกลาโหมด้านนโยบาย Elbridge Colby ได้อนุมัติการส่งมอบอาวุธมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวนสองชุด ภายใต้กลไกนี้
ประเภทของอาวุธ: แพ็กเกจนี้รวมถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศ ซึ่งยูเครนต้องการอย่างเร่งด่วน เนื่องจากการโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธจากรัสเซียที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ความสำคัญของการเคลื่อนไหวนี้
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลของ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อนุมัติการส่งมอบอาวุธให้ยูเครนโดยตรง หรืออนุมัติการขาย/บริจาคอาวุธผ่านขั้นตอนของรัฐบาลสหรัฐฯ
แต่ ครั้งนี้ รัฐบาลของ ทรัมป์ ใช้กลไกใหม่ (PURL – Prioritized Ukraine Requirements List) เพื่อให้ยูเครนได้รับอาวุธโดยใช้ เงินทุนจากพันธมิตรนาโต แทนที่จะใช้ขั้นตอนแบบเดิม
สรุปคือ เป็น วิธีการอนุมัติและจัดหาอาวุธให้ยูเครนที่แตกต่างออกไปจากเดิม
กองทุนเสนอขายครั้งแรก และการจัดอันดับกองทุนพักเงิน


จัดอันดับกองทุนพักเงินประจำสัปดาห์ วันที่ 22 กันยายน 2568 ประเภทกองทุนตลาดเงิน ตราสารหนี้ระยะสั้น และตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว โดยเรียงตามอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี



ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ https://wealthcertified.co.th/market-update/
Disclaimer
ข้อมูลและเนื้อหาในเอกสารฉบับนี้ ถูกรวบรวมขึ้นจากแหล่งที่มาที่พิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามทางบริษัทนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด ไม่อาจรับประกันความถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบันของเอกสารฉบับนี้ รวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ ข้อมูลและความคิดเห็นในเอกสารฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ผู้ลงทุนต้องเข้าใจว่า ผลตอบแทนในอดีตไม่สามารถนำเอามาใช้รับประกันผลตอบแทนในปัจจุบันและอนาคตได้ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลขาดทุนจากการขาดทุนได้ จึงต้องทำความเข้าใจลักษณะผลิตภัณฑ์ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานที่นำเสนอนั้น อาจไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิเช่น ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จะต้องมีการเรียกเก็บจากผู้ลงทุน เป็นต้น
เอกสารฉบับนี้ไม่ใช่เอกสารเผยแพร่ให้บุคคลทั่วไปและไม่สามารถนำไปแก้ไข ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนหรือทั้งหมด โดยปราศจากความเห็นชอบและอนุญาตจากบริษัทนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด