สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกปรับเพิ่มขึ้น โดยเป็นการฟื้นตัวหลังจากร่วงลงอย่างหนักในช่วงต้นเดือนเมษายน ระหว่างสัปดาห์ทรัมป์มีการประกาศระงับการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศทั่วโลก 90 วัน ยกเว้นจีน ซึ่งทำให้หุ้นขึ้นแรงในช่วงวันที่ 9 เมษายน และการยกเว้นภาษีนำเข้ากลุ่มสมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หลังจากนั้นตลาดได้พักฐานรอดูความชัดเจนของมาตรการภาษีศุลกากรใหม่ที่อาจถูกนำกลับมาใช้โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อีกรอบ
Major Indices Return


Market Valuation
ค่า PE ตลาดหุ้นทั่วโลกลดลง ทำให้มีกลับมามีค่าใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 10 ปี โดยตลาดหุ้นสหรัฐมีค่า Forward PE 19.50x ตลาดหุ้นยุโรป12.90x ขณะที่ Earning Yield Gap แคบลงกว่าสัปดาห์ก่อน โดยความผันผวนและความไม่แน่นอนในปัจจุบันทำให้ตลาดมีแนวโน้มซื้อขายกันในระดับค่าเฉลี่ยหรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
“พัก 90 วัน” หวังต่อรอง–กดดันจีน
รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ สก็อตต์ เบสเซนต์ เผยว่าเขามีความหวังว่าการเจรจาการค้าจะมีความชัดเจนมากขึ้นภายในช่วง “พักภาษี 90 วัน” ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศ โดยเน้นทำข้อตกลงกับ 14 ประเทศพันธมิตรหลัก ยกเว้นจีน เบสเซนต์ระบุว่า หากกระบวนการเจรจาคืบหน้า อาจได้ “ข้อตกลงในหลักการ” ที่รวมถึงการลดภาษี มาตรการกีดกันทางการค้า และการควบคุมค่าเงิน พร้อมเสริมว่าทรัมป์ต้องการมีบทบาทโดยตรงในการเจรจาเพื่อรักษาอำนาจต่อรอง
แม้มีการพักภาษีบางส่วน แต่ทรัมป์ยังคงเพิ่มภาษีกับจีนขึ้นเป็น 145% ขณะที่จีนก็ตอบโต้โดยขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ เป็น 125% พร้อมสั่งห้ามสายการบินรับมอบเครื่องบิน Boeing เพิ่มเติม ความขัดแย้งนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคธุรกิจ เช่น Johnson & Johnson ซึ่งคาดว่าปีนี้จะเผชิญต้นทุนจากภาษีสูงถึง 400 ล้านดอลลาร์ และห่วงโซ่อุปทานในภาคยาและเทคโนโลยีอาจหยุดชะงักหากทรัมป์เดินหน้าจัดเก็บภาษีเพิ่มกับสินค้าเหล่านี้ในอนาคต

ติดตามข้อมูลล่าสุดได้ที่ Trump tariffs live updates: Bessent hopes for progress in 90-day ‘pause’ window as Trump presses China
บริษัทที่เสี่ยงเจ็บหนักจากสงครามการค้ากับจีน
ภายใต้นโยบายภาษี “ตอบโต้” ของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสูงถึง 145% หลายกลุ่มธุรกิจในสหรัฐฯ กำลังเผชิญแรงกระแทกอย่างหนัก แม้บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Apple และ Nvidia จะได้รับการยกเว้นชั่วคราว แต่กลุ่มแฟชั่นอย่าง Nike, Levi’s และ Gap รวมถึงภาคเกษตรโดยเฉพาะผู้ผลิตถั่วเหลือง กลับได้รับผลกระทบเต็มที่ โดยเฉพาะจากภาษีตอบโต้ของจีนที่พุ่งขึ้นเป็น 125% ส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น หุ้นร่วง และความสามารถในการแข่งขันลดลง
แม้จีนยังเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ด้วยมูลค่าการค้าสินค้ารวมกว่า 582,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 แต่ความตึงเครียดจากสงครามการค้ากำลังคุกคามความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ การย้ายฐานการผลิตไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่มีห่วงโซ่อุปทานซับซ้อน ขณะที่บริษัทเกษตรกรรมขนาดใหญ่ เช่น Cargill และ Tyson Foods ก็เตือนถึงความเสียหายทางรายได้จากการส่งออก หากความขัดแย้งยืดเยื้อ เกษตรกรหลายรายอาจต้องออกจากธุรกิจ ส่งผลต่อการจ้างงานและเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ
Source: https://www.aljazeera.com/news/2025/4/15/trump-china-trade-war-which-us-companies-could-be-worst-hit
GDP จีนโต 5.4% ในไตรมาส 1 ดีกว่าคาด
เศรษฐกิจจีนในไตรมาสแรกของปี 2025 ขยายตัว 5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 5.1% โดยได้แรงหนุนจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เติบโตแข็งแกร่งถึง 7.7% และยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้น 5.9% สะท้อนถึงความต้องการภายในประเทศที่ยังคงแข็งแรง แม้ต้องเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก เช่น ความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นจีนตอบสนองแบบระมัดระวัง โดยดัชนี CSI300 และ Shanghai Composite ปรับตัวลดลงเล็กน้อยหลังการประกาศตัวเลข
แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะออกมาดีกว่าคาด แต่นักวิเคราะห์เตือนว่าแนวโน้มในระยะต่อไปยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนจากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 145% และจีนตอบโต้ด้วยภาษี 125% ซึ่งอาจเริ่มส่งผลชัดเจนในไตรมาสถัดไป รัฐบาลจีนจึงอาจจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมเพื่อรักษาเป้าหมายการเติบโตของทั้งปีที่ตั้งไว้ “ราว 5%” โดยเฉพาะในขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงชะลอตัวและภาคเอกชนใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง
กองทุน IPO ออกใหม่ และการจัดอันดับกองทุนพักเงิน



ติดตามบทความย้อนหลังได้ที่ Market Update – Wealth Certified
Disclaimer
ข้อมูลและเนื้อหาในเอกสารฉบับนี้ ถูกรวบรวมขึ้นจากแหล่งที่มาที่พิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามทางบริษัทนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด ไม่อาจรับประกันความถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบันของเอกสารฉบับนี้ รวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ ข้อมูลและความคิดเห็นในเอกสารฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ผู้ลงทุนต้องเข้าใจว่า ผลตอบแทนในอดีตไม่สามารถนำเอามาใช้รับประกันผลตอบแทนในปัจจุบันและอนาคตได้ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลขาดทุนจากการขาดทุนได้ จึงต้องทำความเข้าใจลักษณะผลิตภัณฑ์ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานที่นำเสนอนั้น อาจไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิเช่น ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จะต้องมีการเรียกเก็บจากผู้ลงทุน เป็นต้น
เอกสารฉบับนี้ไม่ใช่เอกสารเผยแพร่ให้บุคคลทั่วไปและไม่สามารถนำไปแก้ไข ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนหรือทั้งหมด โดยปราศจากความเห็นชอบและอนุญาตจากบริษัทนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด