สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นฮ่องกงยังคงปรับตัวขึ้นต่อ รวมถึงตลาดหุ้นเอเชียอย่าง จีน อินเดีย เวียดนามที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น มีสัญญาณถูกขายทำกำไร โดยตลาดมีความกังวลการขึ้นภาษี โดยสหรัฐมีการประกาศขึ้นภาษี 25% สำหรับสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ก่อนจะยกเว้นชั่วคราว 1 เดือน และการขึ้นสินค้าจีนเพิ่มขึ้นเป็น 20% ทำให้นักลงทุนยังคงจับตาการตอบโต้และมาตรการการขึ้นภาษีที่สหรัฐเตรียมบังคับใช้กับประเทศอื่นๆทั่วโลก (Reciprocal Tariffs) ในวันที่ 2 เม.ย. ต่อไป
Headlines: ติดตามการขึ้นภาษีและภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ
ความกังวลสงครามการค้า
ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญความผันผวนจาก นโยบายภาษีศุลกากรของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ยังไม่มีความแน่นอน โดยเขาส่งสัญญาณว่าอาจขึ้นภาษีต่อเม็กซิโกและแคนาดาหลังจากหมดช่วงผ่อนผัน ขณะที่ ภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม 25% จะมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์นี้ ทำให้เกิดความกังวลว่าสงครามการค้าอาจยืดเยื้อ
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ
นอกจากนี้ ตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด และอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.1% ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจอาจชะลอตัว ด้าน เฟด ยังคงส่งสัญญาณรอดูข้อมูลเศรษฐกิจก่อนตัดสินใจลดดอกเบี้ย ส่งผลให้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดิ่งลงต่อเนื่อง โดย S&P 500 ร่วง 3% ในรอบสัปดาห์ ขณะที่ยุโรปและเอเชียก็ได้รับแรงกดดันจากปัจจัยนี้ นักลงทุนจับตา ตัวเลข CPI ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ซึ่งอาจกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดและแนวโน้มเศรษฐกิจโลกต่อไป
ECB Cut Rate
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ลดดอกเบี้ยอีกครั้ง ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ
• ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ย จาก 2.75% เหลือ 2.5% เป็นครั้งที่ 6 ในรอบ 9 เดือน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน
• เศรษฐกิจเผชิญแรงกดดัน จากภัยคุกคามด้านภาษีของสหรัฐฯ และแผนเพิ่มงบประมาณทางทหารของยุโรป
• ตลาดพันธบัตรปั่นป่วน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมันพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบหลายปี หลังรัฐบาลประกาศเพิ่มหนี้เพื่อใช้จ่ายด้านกลาโหม
• แนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนชะลอตัว ECB คาด GDP ปี 2025 เติบโตเพียง 0.9% ใกล้เคียงกับ 0.7% ของปีที่แล้ว
• ผลกระทบจากสหรัฐฯ หากรัฐบาลทรัมป์เดินหน้าขึ้นภาษีตอบโต้ อาจส่งผลลบต่อเศรษฐกิจยุโรป
source : European Central Bank cuts eurozone interest rates
การประชุม 2 สภาของจีน
การประชุมสองสภาของจีน (National People’s Congress – NPC และ Chinese People’s Political Consultative Conference – CPPCC) ประจำปี 2568 ได้เปิดฉากขึ้นในวันที่ 5 มีนาคม 2568 ณ กรุงปักกิ่ง โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้:
1 เป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ: รัฐบาลจีนตั้งเป้าหมายการเติบโตของ GDP ไว้ที่ประมาณ 5% สำหรับปี 2568 ซึ่งสอดคล้องกับปีที่ผ่านมา
2 การขาดดุลงบประมาณ: รัฐบาลกำหนดอัตราการขาดดุลงบประมาณที่ 4% ของ GDP ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี
3 การสร้างงานและอัตราการว่างงาน: ตั้งเป้าสร้างงานใหม่ในเขตเมืองมากกว่า 12 ล้านตำแหน่งและรักษาอัตราการว่างงานในเขตเมืองให้อยู่ที่ประมาณ 5.5%
4 อัตราเงินเฟ้อ: รัฐบาลตั้งเป้าอัตราเงินเฟ้อจากราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ประมาณ2% ในปีนี้
5 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ: รัฐบาลมีแผนออกพันธบัตรพิเศษและเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการบริโภคและการลงทุนในประเทศ ท่ามกลางความท้าทายจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ
กองทุนออกใหม่และการจัดอันดับกองทุนพักเงินประจำสัปดาห์
อ่านบทความย้อนหลังที่ https://wealthcertified.co.th/market-update/
Disclaimer
ข้อมูลและเนื้อหาในเอกสารฉบับนี้ ถูกรวบรวมขึ้นจากแหล่งที่มาที่พิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามทางบริษัทนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด ไม่อาจรับประกันความถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบันของเอกสารฉบับนี้ รวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ ข้อมูลและความคิดเห็นในเอกสารฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ผู้ลงทุนต้องเข้าใจว่า ผลตอบแทนในอดีตไม่สามารถนำเอามาใช้รับประกันผลตอบแทนในปัจจุบันและอนาคตได้ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลขาดทุนจากการขาดทุนได้ จึงต้องทำความเข้าใจลักษณะผลิตภัณฑ์ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานที่นำเสนอนั้น อาจไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิเช่น ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จะต้องมีการเรียกเก็บจากผู้ลงทุน เป็นต้น
เอกสารฉบับนี้ไม่ใช่เอกสารเผยแพร่ให้บุคคลทั่วไปและไม่สามารถนำไปแก้ไข ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนหรือทั้งหมด โดยปราศจากความเห็นชอบและอนุญาตจากบริษัทนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด