ไทย ENG

CONTACT US
0-2026-6875

Weekly Highlight 10 พฤศจิกายน 2568

10/11/2025

สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัยตั้งแต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ไปจนถึงแรงขายหนักในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ข้อมูลตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งทำให้ความคาดหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯลดลง ส่งผลให้โอกาสที่ Fed จะปรับลดดอกเบี้ยในระยะสั้นน้อยกว่าที่ตลาดประเมิน ขณะเดียวกัน ความพยายามของทรัมป์ในการกดดันให้การปิดรัฐบาลสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็วเป็นอีกปัจจัยที่สร้างความผันผวนต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน แรงขายหุ้นเทคโนโลยีและความวิตกเรื่องมูลค่าหุ้นที่ปรับขึ้นร้อนแรงเกินพื้นฐาน รวมถึงข่าวนักลงทุนบางรายเปิดสถานะ short ทำให้ตลาดอยู่ในช่วงปรับฐาน นักลงทุนจึงระมัดระวังการซื้อขายมากขึ้น และจับตาการเคลื่อนไหวของตลาดเทคโนโลยี รวมถึงการพัฒนาสถานการณ์ทางการเมืองและนโยบายเศรษฐกิจเพื่อกำหนดทิศทางตลาดต่อไป

ค่า PE ตลาดหุ้นทั่วโลกทรงตัวหลังปรับตัวลดลงตอบรับการลดดอกเบี้ย ขณะที่ Bond Yield หลายประเทศปรับตัวลดลงหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาแย่กว่าคาด  ทำให้ Earning Yield Gap โดยรวมมีแนวโน้มกว้างกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

Amazon–OpenAI Deal Sparks Tech Rally

ประเด็นสำคัญ

OpenAI ได้ลงนามสัญญาระยะ 7 ปี มูลค่าประมาณ 38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กับ AWS เพื่อซื้อบริการคลาวด์ และ ฮาร์ดแวร์สำหรับฝึกและรันโมเดล AI ของตนเอง

สัญญาดังกล่าวรวมถึงการเข้าถึง “hundreds of thousands” ชิป กราฟิกของ Nvidia Corporation (เช่น GB200 และ GB300) ซึ่งเอื้อต่อการฝึก-และใช้งานโมเดล AI ขนาดใหญ่

OpenAI กล่าวว่า พวกเขาประสงค์จะใช้จ่ายราว 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ (1.4 trillion USD) สำหรับทรัพยากรคอมพิวต์ (compute) เพื่อพัฒนา “30 gigawatts”ของความสามารถคอมพิวต์ ซึ่งจะรองรับบ้าน 25 ล้านหลังในสหรัฐฯ เป็นภาพประกอบของขนาดงาน

ทาง AWS ได้รับการยอมรับว่า สัญญานี้เป็นการสนับสนุนความสามารถด้านคอมพิวต์ของตน และเป็นการตอบโจทย์ความกังวลที่ว่า AWS อาจตามหลังคู่แข่งอย่าง Microsoft Corporation และ Alphabet Inc. (Google) ในด้าน AI

OpenAI ได้ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งรวมถึงการปลดสิทธิ “first refusal” ของ Microsoft ในการให้บริการคอมพิวต์แก่ OpenAI

สัญญามีผลให้ OpenAI เริ่มใช้ AWS ทันที โดยตั้งเป้าว่าโครงสร้างทั้งหมดจะพร้อมใช้งานภายในสิ้นปี 2026 และมีพื้นที่สำหรับขยายในปี 2027 และต่อไป

รายได้ประจำปีของ OpenAI ปัจจุบันประเมินว่าจะอยู่ที่ประมาณ 20 พันล้านดอลลาร์ แต่ยังมีการขาดทุนซึ่งนักวิเคราะห์ให้ความกังวล

source : OpenAI turns to Amazon in $38 billion cloud services deal after restructuring | Reuters

Earnings Panlantir

Palantir (PLTR)

สิ่งที่ออกมาดี (The Good):

ยอดรายได้รวมอยู่ที่ ประมาณ US$1.181 พันล้าน โต 63% เมื่อเทียบ YoY.

กำไรปรับ (adjusted) EPS อยู่ที่ประมาณ US$0.21/หุ้น ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ~US$0.17/หุ้น

รายได้จากธุรกิจสหรัฐ (U.S.) โตแรง — รายได้จากภาครัฐสหรัฐ ~US$486 ล้าน +52% YoY และรายได้เชิงพาณิชย์สหรัฐ ~US$397 ล้าน +121% YoY

มาร์จิ้น Adjusted Operating Margin สูงมาก — อยู่ที่ ~51% ในไตรมาสนี้ ซึ่งสะท้อนว่า บริษัทสามารถเติบโตไปพร้อมกับคุมต้นทุนได้ดีขึ้น

สภาพคล่องและสถานะการเงินแข็งแกร่ง — ไม่มีหนี้ (no debt) และมีเงินสด/เงินลงทุนระยะสั้นอยู่ในระดับที่รองรับการเติบโตได้

สิ่งที่ตลาดจับตามอง / จุดที่ยังต้องติดตาม (Market Focus):

บริษัทได้ปรับคาดการณ์รายได้สุทธิ (FY 2025) ขึ้นเป็นช่วง US$4.396 – 4.400 พันล้าน พร้อมกับคาดการณ์ว่ารายได้เชิงพาณิชย์ในสหรัฐจะมากกว่า US$1.433 พันล้าน (โต อย่างน้อย ~104%)

ตลาดสนใจว่า Palantir จะสามารถรักษาอัตราการเติบโตเชิงพาณิชย์ในสหรัฐได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่ของรายได้ที่เติบโตมาจากตลาดนี้ ซึ่งถือเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญนอกเหนือจากสัญญาภาครัฐ

ความเป็นผู้นำในด้าน AI/แพลตฟอร์ม (เช่น “AIP”) รวมถึงการขยายตลาดนอกสหรัฐ ถือเป็นอีกจุดที่นักลงทุนอยากเห็นความชัดเจน ว่า Palantir จะ “แปลงโอกาส” ใน AI ให้เป็นรายได้ที่จับต้องได้และยั่งยืนอย่างไร

แม้จะเติบโตดี แต่บริษัทก็ยังเผชิญกับความเสี่ยง เช่น การพึ่งพาสัญญาภาครัฐในสหรัฐค่อนข้างมาก, การแข่งขันด้าน AI และซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลที่สูงขึ้น, และความผันผวนของการใช้จ่ายในภาคธุรกิจหรือรัฐบาล

source : ปฏิทินและรายงานผลประกอบการ: สหรัฐอเมริกา — TradingView

Earnings AMD

AMD

สิ่งที่ออกมาดี (The Good):

รายได้รวมอยู่ที่ประมาณ US$9.25 พันล้าน เติบโต 36% YoY สูงกว่าคาดการณ์ของตลาด

กำไรปรับ (Adjusted EPS) อยู่ที่ US$1.20/หุ้น ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ราว US$1.17/หุ้น

รายได้จากธุรกิจ Data Center อยู่ที่ราว US$4.3 พันล้าน โต ~22% YoY หนุนจากความต้องการชิปประมวลผล AI

กลุ่ม Client & Gaming ฟื้นตัวแรง รายได้รวมราว US$4 พันล้าน โต ~73% YoY

บริษัทให้แนวโน้มรายได้ Q4 อยู่ที่ช่วง US$9.3–9.9 พันล้าน ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์

สิ่งที่ตลาดจับตามอง / ความเสี่ยง (Market Focus):

การเติบโตของ Data Center แม้แข็งแกร่งแต่ยังไม่เร่งตัวเท่าที่ตลาดคาด หลังกลุ่มนี้เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของ AI

รายได้จากจีนอาจถูกจำกัด จากการควบคุมการส่งออกชิปขั้นสูง เช่น MI308

ตลาดแข่งขันสูงในกลุ่ม AI, Data Center และ Gaming โดยเฉพาะกับ Nvidia และ Intel นักลงทุนจับตาว่า AMD จะสามารถรักษาการเติบโตในตลาด AI ได้ต่อเนื่องเพียงใด หลังราคาหุ้นปรับขึ้นแรงในช่วงที่ผ่านมา

source : ปฏิทินและรายงานผลประกอบการ: สหรัฐอเมริกา — TradingView

Trump urges direct healthcare payments to Americans

ประเด็นสำคัญ

ทรัมป์ได้ออกมากดดันให้รัฐบาลสหรัฐฯ ปิดการทำงานจบโดยเร็ว พร้อมขู่ถึงการยุติวิธีการที่ใช้บีบฝ่ายตรงข้าม เช่น ยกเลิกการใช้ “ฟิลิเบสเตอร์” (filibuster) ในวุฒิสภา เพื่อเร่งให้มีการผ่านมาตรการงบประมาณทันที

Donald Trump เรียกร้องให้วุฒิสภาสหรัฐฯ เปลี่ยนทิศทางเงินอุดหนุนระบบประกันสุขภาพภายใต้ Affordable Care Act (ACA) ที่ปัจจุบันจ่ายให้บริษัทประกัน ไปจ่ายตรงให้กับประชาชนแทน โดยเขาโพสต์ว่า “ต้องส่งเงินให้ประชาชนโดยตรง เพื่อให้พวกเขาซื้อประกันสุขภาพของตัวเองที่ดีกว่า”

ขณะที่การปิดทำการของรัฐบาลกลางเข้าสู่วันที่ 40 แล้ว มีผลกระทบต่อผู้ทำงานในหน่วยงานรัฐบาล พัฒนาการด้านอาหารช่วยเหลือ และการบิน โดยวุฒิสภาพยายามหาข้อตกลงให้เปิดทำการได้อีกครั้ง

วุฒิสภาบรรลุข้อตกลงเบื้องต้น

ส.ว. เดโมแครต + รีพับลิกัน เจรจาได้ข้อสรุปชั่วคราว (tentative deal) เพื่อเปิดรัฐบาลที่ถูกปิดมาเกือบ 40 วัน

ข้อตกลงนี้จะขยายงบประมาณ ไปจนถึง 30 มกราคม 2026 ผลโหวต 60 ต่อ 40

ขั้นตอนต่อไป

ข้อตกลงนี้ยัง ต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎร

หลังจากนั้นจะต้อง ประธานาธิบดีลงนาม จึงจะมีผลบังคับใช้

สิ่งที่รวมในข้อตกลง

งบประมาณแบบ “มินิบัส” สำหรับหน่วยงานบางส่วน เช่น กระทรวงเกษตร

เงินทุนโครงการช่วยเหลือโภชนาการ (SNAP / คูปองอาหาร) จนถึงเดือนกันยายน 2026

สิ่งที่ยังไม่ได้รวม

การขยายเครดิต/เงินอุดหนุนของ Affordable Care Act (ACA) ยังไม่ได้รวม เดโมแครตสัญญาว่าจะลงมติเห็นชอบเรื่อง ACA ภายในกลางเดือนธันวาคม แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะผ่าน

source : Talks to end US shutdown look promising, Senate majority leader says | Reuters

Trump’s IEEPA-Based Tariffs Challenged

ประเด็นสำคัญ

ศาลฎีกากำลังพิจารณาว่า Donald Trump มีอำนาจตามกฎหมายปี 1977 (IEEPA) ที่ใช้เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากต่างประเทศหรือไม่ โดยคำตัดสินอาจต้องใช้เวลาในการพิจารณาอย่างเร็วสุดคือ มิถุนายน ปี2569

ผู้พิพากษาถามเข้มว่ากฎหมายดังกล่าวไม่ได้ระบุเรื่อง ภาษี/อากรนำเข้า อย่างชัดเจน ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าการกระทำของทรัมป์ถูกกฎหมายหรือไม่

ถ้าศาลตัดสินว่า ไม่ถูกต้อง จะต้องคืนเงินอากรที่เรียกเก็บไปแล้ว และอาจกระทบเศรษฐกิจและบริษัทนำเข้าสินค้าจำนวนมาก

คดีนี้ถือเป็น การทดสอบอำนาจใหญ่ของประธานาธิบดี ในเรื่องนโยบายการค้าสหรัฐฯ

ศาลยังไม่ได้ตัดสิน แต่การไต่สวนเป็นสัญญาณว่าผลอาจส่งผลรุนแรงต่อการค้าระหว่างประเทศและตลาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ผู้พิพากษาหลายคนกล่าวว่านี่คือเรื่อง “major questions” หรือประเด็นใหญ่ — ซึ่งหมายความว่า หากการใช้อำนาจของประธานาธิบดีจะมีผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจหรือการค้า รัฐสภาจะต้องมีบทบัญญัติที่ชัดเจนรองรับ.

ทนายฝ่ายรัฐบาลโต้ว่า การใช้ IEEPA ในกรณีนี้เป็นการ “ควบคุมนำเข้า” (regulate importation) ภายใต้เหตุฉุกเฉิน แต่ผู้พิพากษาตั้งคำถามว่า มีตัวอย่างใดในประวัติศาสตร์ที่ IEEPA ถูกใช้เพื่อกำหนดอากรนำเข้ามาก่อนหน้านี้หรือไม่.

หากศาลตัดสินว่าการใช้กฎหมายนี้ไม่ชอบ ผลกระทบอาจมีวงกว้าง — ทั้งต้องคืนเงินอากรที่เรียกเก็บไปแล้ว จำนวนมากถูกตั้งข้อสงสัยว่าจะเป็นภาระต่อคลังสหรัฐ และบริษัทนำเข้าสินค้า.

อย่างไรก็ตาม ศาลยังไม่ได้ออกคำพิพากษา  — เรื่องนี้ถือเป็น “การทดสอบใหญ่” ต่ออำนาจของประธานาธิบดีในนโยบายการค้าสหรัฐฯ

source : US Senate advances bill to end federal shutdown | Reuters

Wall Street warns of correction as Burry shorts AI stocks

ประเด็นสำคัญ

ผู้บริหารของ Morgan Stanley เตือนว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจกำลังเข้าสู่ช่วง “ปรับฐาน” หลังมูลค่าหุ้นปรับขึ้นแรงต่อเนื่อง โดยประเมินว่าการปรับลงระดับ 10–15% ถือเป็นสิ่งที่ควรยอมรับได้และไม่จำเป็นต้องมีปัจจัยเศรษฐกิจลบเฉพาะตัวเป็นตัวกระตุ้น ขณะที่ผู้บริหารของ Goldman Sachs เห็นว่าตลาดยังอาจไปต่อได้ระยะหนึ่ง แต่ยอมรับว่ามีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนทิศของการเติบโตที่อาจทำให้ความเชื่อมั่นพลิกกลับอย่างรวดเร็ว ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่ามูลค่าหุ้นในหลายกลุ่ม โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีและ AI เริ่มอยู่ในระดับ “ร้อนแรง” คล้ายช่วงฟองสบู่ดอทคอม ขณะที่นักลงทุนควรเตรียมรับความผันผวนมากขึ้นในระยะถัดไป

source : Wall Street heavyweights flag risk of pullback in equity markets | Reuters

ผู้บริหารของ Palantir Technologies รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่เหนือคาดการณ์ และคาดการณ์รายได้ไตรมาส 4 จะอยู่เหนือเป้า อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปรับลดลงราว 6% ในวันเดียว แม้การอัปเดตจะเป็นบวก
นักลงทุนกลับมีความกังวลเมื่อ Michael Burry ซึ่งมีชื่อเสียงจากการทำนายวิกฤติปี 2008 ได้เปิดสถานะชอร์ตกับ Palantir และหุ้น AI รายอื่น โดยอ้างว่ากลุ่ม AI/เทคโนโลยีกำลังอยู่ในช่วง “ฟองสบู่”
ในปีนี้ Palantir ขึ้นมามากกว่า 170% และขึ้นมากถึง 1,000% ในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยราคา P/E forward อยู่ราว 250 เท่า ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับหุ้น AI อื่นๆ เช่น Nvidia Corporation (~33 เท่า) และ Microsoft Corporation (~30 เท่า)
สรุปแล้ว แม้ Palantir จะเติบโตอย่างโดดเด่น แต่ความคาดหวังที่สูงเกินจริง รวมถึงนักลงทุนรายใหญ่ที่เห็นสัญญาณเตือน ทำให้ตลาดเริ่มประเมินว่า “พัก” หรือปรับฐานของหุ้นกลุ่ม AI อาจกำลังเกิดขึ้น.

source : Palantir’s bull run stalls as Burry bets against the AI darling | Reuters

ภาพรวมคนกลัวความเสี่ยงมากขึ้นหลังหุ้นสหรัฐฯปรับขึ้นมามากจนเทียบเท่ายุค dot com bubble ทำให้เกิดแรงขายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่คาดว่าตลาดจะขับเคลื่อนด้วยตัวกำไรจริงมากกว่าความกลัว จึงมองว่าหากตัวเลขยังดีต่อเนื่อง ตลาดกระทิงอาจดำเนินต่อไปได้อีกถึง 2 ปี

Economic Calendar 

กองทุนเสนอขายครั้งแรก และการจัดอันดับกองทุนพักเงิน

จัดอันดับกองทุนพักเงินประจำสัปดาห์ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ประเภทกองทุนตลาดเงิน ตราสารหนี้ระยะสั้น และตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว โดยเรียงตามอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี

ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ https://wealthcertified.co.th/market-update/

Disclaimer

ข้อมูลและเนื้อหาในเอกสารฉบับนี้ ถูกรวบรวมขึ้นจากแหล่งที่มาที่พิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามทางบริษัทนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด ไม่อาจรับประกันความถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบันของเอกสารฉบับนี้ รวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ ข้อมูลและความคิดเห็นในเอกสารฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ผู้ลงทุนต้องเข้าใจว่า ผลตอบแทนในอดีตไม่สามารถนำเอามาใช้รับประกันผลตอบแทนในปัจจุบันและอนาคตได้ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลขาดทุนจากการขาดทุนได้ จึงต้องทำความเข้าใจลักษณะผลิตภัณฑ์ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานที่นำเสนอนั้น อาจไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิเช่น ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จะต้องมีการเรียกเก็บจากผู้ลงทุน เป็นต้น

เอกสารฉบับนี้ไม่ใช่เอกสารเผยแพร่ให้บุคคลทั่วไปและไม่สามารถนำไปแก้ไข ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนหรือทั้งหมด โดยปราศจากความเห็นชอบและอนุญาตจากบริษัทนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด

You cannot copy content of this page