ตลาดหุ้นทั่วโลกในสัปดาห์ผ่านมา ดัชนีส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากกลุ่มเทคโนโลยีชิป AI เช่น Broadcom หลังออกชิปเครือข่ายรุ่นใหม่ ขณะที่ภูมิภาคยุโรปก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกันโดยเฉพาะดัชนี DAX ของเยอรมนี ได้ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากอาทิตย์ก่อนหลังมีการออกมาตราการลดภาษีและ ECB ประกาศปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้ง นอกจากนี้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในเอเชียก็ปรับขึ้นเช่นกันนำโดยหุ้นเกาหลีใต้หลังจากได้นายกคนใหม่ช่วยทำให้ความกังวลภายในได้ผ่อนคลายลงไป โดยตลาดยังคงติดตามการประชุมสำคัญต่างๆที่ใกล้เข้ามาเช่นการประชุม G7และการประชุม FED เป็นต้น


ค่า PE ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากหุ้นความคลายกังวลในช่วงสั้นหลังมีความชัดเจนการเจรจาการค้ามากขึ้นแม้ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ ขณะที่ตลาดหุ้นประเทศอื่นๆมีค่า PE ที่สูงขึ้น ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นทำให้ Earning Yield Gap มีแนวโน้มแคบลงกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
News overview from last week

Broadcom forecasts Q3 revenue above estimates driven by AI chip
Broadcom ได้ประกาศคาดการณ์รายได้ไตรมาส 3 ปี 2025 ที่ประมาณ 15.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 15.71 พันล้านดอลลาร์เล็กน้อย โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการชิปสำหรับเครือข่ายและการประมวลผล AI แบบกำหนดเองที่เพิ่มขึ้น
บริษัทได้เริ่มจัดส่งชิปเครือข่ายรุ่นใหม่ Tomahawk 6 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อนถึงสองเท่า และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่ายข้อมูลสำหรับงาน AI อย่างมีนัยสำคัญ
ในไตรมาสที่ 2 รายได้จากกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ของ Broadcom เพิ่มขึ้น 16.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 8.41 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้มีกระแสข่าวว่า Meta กำลังอยู่ในช่วงเจรจาลงทุนใน Scale AI ซึ่งเป็นสตาร์ทอัปด้านปัญญาประดิษฐ์ โดย มูลค่าดีลอาจสูงกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ ซึ่ง Scale AI โดดเด่นด้านบริการจัดเลเบลข้อมูล (data labeling) ให้กับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Microsoft และ OpenAI ซึ่งช่วยฝึกสอนโมเดล AI ต่างๆ
การลงทุนครั้งนี้ชี้ถึงยุทธศาสตร์ใหม่ของ Meta ที่หันมาเข้มเสริมระบบนิเวศ AI ภายนอกมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้เน้นพัฒนา LLaMA และโครงสร้างพื้นฐานภายในเป็นหลัก
ดีลยังไม่สรุปชัดเจน แต่หากเกิดขึ้นจริง จะช่วยยกระดับขีดความสามารถโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ของ Meta ในการแข่งขันกับคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Microsoft–Google–Amazon
Source : Broadcom rides on AI chip demand to deliver upbeat revenue forecast | Reuters
Source : Meta in Talks for Scale AI Investment That Could Top $10 Billion – Bloomberg
Trump vs Musk: A Political Feud Explodes Over Spending Bill
🔥 ประเด็นขัดแย้งหลักระหว่างทรัมป์และมัสก์
1. วิจารณ์ร่างกฎหมายการใช้จ่ายของรัฐบาล อีลอน มัสก์วิจารณ์ร่างกฎหมายการใช้จ่ายของรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากทรัมป์ว่าเป็น “กองขยะที่น่าขยะแขยง” (disgusting abomination) โดยระบุว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะเพิ่มหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ อย่างมหาศาล และเต็มไปด้วยการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นหรือ “pork spending” มัสก์ยังเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาและประชาชนคัดค้านร่างกฎหมายนี้ โดยกล่าวว่า “น่าอับอายสำหรับผู้ที่ลงคะแนนให้: คุณรู้ว่าคุณทำผิด คุณรู้มัน”
2. ทรัมป์ตอบโต้และกล่าวหามัสก์ ทรัมป์แสดงความผิดหวังในตัวมัสก์ โดยกล่าวว่าเขา “ผิดหวังในตัวอีลอนมาก” และเชื่อว่ามัสก์โกรธเพราะร่างกฎหมายนี้ตัดการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า (EV mandates) ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจของมัสก์ ทรัมป์ยังขู่ว่าจะตัดสัญญาทางการกับบริษัทของมัสก์ เช่น Tesla และ SpaceX
3. มัสก์โต้กลับและกล่าวหาทรัมป์ มัสก์ปฏิเสธว่าเขาไม่ได้โกรธเรื่องการตัด EV mandates แต่โกรธที่ร่างกฎหมายเต็มไปด้วยการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และเขายังกล่าวหาทรัมป์ว่า “โกหกอย่างชัดเจน” รวมถึงระบุว่าทรัมป์มีชื่ออยู่ในเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเจฟฟรีย์ เอปสตีน ซึ่งเป็นเหตุผลที่เอกสารเหล่านั้นยังไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ
⚠️ ผลกระทบจากความขัดแย้ง
• หุ้นของ Tesla ลดลงกว่า 16% หลังจากมัสก์วิจารณ์ร่างกฎหมายของทรัมป์ และหุ้นของ Trump Media & Technology Group ลดลง 8% หลังจากมัสก์กล่าวหาทรัมป์เกี่ยวกับเอปสตีน
• พรรคเดโมแครตเรียกร้องให้เปิดเผยเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเอปสตีนอย่างเต็มรูปแบบ
• สตีฟ แบนนอน (Steve Bannon) อดีตที่ปรึกษาของทรัมป์ เรียกร้องให้มีการสอบสวนมัสก์เกี่ยวกับ
สถานะการเข้าเมือง การใช้ยาเสพติด และความพยายามเข้าถึงข้อมูลลับของรัฐบาล
Source : Elon Musk Lambasts Trump’s Tax Bill as ‘Abomination’ – Bloomberg
ISM Services Index And ADP Nonfarm Employment Change Drop

ภาคบริการหดตัวครั้งแรกในรอบเกือบปี ดัชนีภาคบริการ ISM ลดลงเหลือ 49.9 ในเดือนพฤษภาคม ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งแสดงถึงภาวะหดตัวของกิจกรรมในภาคบริการเป็นครั้งแรกในรอบเกือบปี
การจ้างงานภาคเอกชนชะลอตัว รายงานจาก ADP Research ระบุว่า มีการจ้างงานใหม่เพียง 37,000 ตำแหน่ง ในเดือนพฤษภาคม ต่ำสุดในรอบ 2 ปีหลายภาคส่วน เช่น ธุรกิจบริการ การผลิต และการค้า มีการลดตำแหน่งงานแต่บริการ และการเงินยังจ้างงานเพิ่มขึ้น
แรงกดดันจากภาษีและความไม่แน่นอนด้านนโยบาย ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าของรัฐบาลทรัมป์ รวมถึงภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น ส่งผลให้คำสั่งซื้อใหม่ในภาคบริการลดลงเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2022 และต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
ทรัมป์กดดันให้เฟดลดดอกเบี้ย ทรัมป์ใช้โซเชียลมีเดียและการติดต่อโดยตรงเพื่อเรียกร้องให้ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ลดดอกเบี้ย
เศรษฐกิจยังไม่ชะลอเต็มที่ แม้ข้อมูลล่าสุดจะชะลอตัว แต่เศรษฐกิจโดยรวมยังแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อยังสูงกว่าเป้าหมายของเฟด (2%) ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เฟดยังไม่ปรับลดดอกเบี้ยในทันที
Source : US services sector contracts in May; businesses face higher prices | Reuters
US Job Growth Slows Amid Labor Market Uncertainty

📉 สรุปสำคัญ
•การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 139,000 ตำแหน่ง ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ (130,000 ตำแหน่ง) และลดจากตัวเลขในเดือนเมษายนที่ถูกปรับลดเหลือ 147,000 ตำแหน่ง
•ตัวเลขสำหรับเดือนมีนาคมและเมษายนนั้นถูก ปรับลดลงรวมกัน 95,000 ตำแหน่ง (มีนาคมลดลง 65,000; เมษายนลดลง 30,000)
•หากคำนวณใหม่ ตัวเลขการจ้างงานสุทธิเดือนพฤษภาคมจริงๆ จะเพิ่มขึ้นเพียง 44,000 ตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าที่รายงานในตอนแรก
•อัตราการว่างงานคงที่ที่ 4.2% ต่อเดือนที่สามติดต่อกัน
•จำนวนผู้หางานออกจากแรงงาน (labor force) ประมาณ 625,000 คน ซึ่งอาจสะท้อนความไม่มั่นใจในตลาดแรงงาน
แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานจะยังคงอยู่ในเกณฑ์บวก แต่ก็มีสัญญาณชะลอตัวอย่างชัดเจน จากการปรับตัวเลขย้อนหลังและจำนวนคนถอนตัวจากแรงงาน เกิดเป็นความสุ่มเสียวในแนวโน้มอนาคต
📉 สิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์มอง
•ตลาดแรงงานยังอยู่ในโซน “ไม่ร้อนเกินไป ไม่เย็นเกินไป” มากพอให้ Fed ยังไม่เร่งตัดอัตราดอกเบี้ย
•แต่ก็มี “รอยร้าว” เห็นได้ชัดว่าการจ้างงานอ่อนแรง และปัจจัยทางเศรษฐกิจอย่าง ความไม่แน่นอนของภาษีนำเข้ากับมาตรการลดงบฯ รัฐบาล เป็นแรงกดดันสำคัญ
•หากแนวโน้มชะลอตัวนี้ยังดำเนินต่อไป ตลาดแรงงานอาจต่ำกว่าระดับที่ Fed ต้องการ เพื่อพิจารณาลดดอกเบี้ย
Source : US job growth slows as tariff uncertainty leaves businesses in limbo | Reuters
Higher metals tariffs kick in as deadline for ‘best offers’ arrives
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2025 รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจาก 25% เป็น 50% โดยมีผลบังคับใช้ทันที การขึ้นภาษีนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเจรจาการค้าของสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายให้ประเทศคู่ค้าเสนอข้อตกลงที่ดีที่สุดภายในเดือนกรกฎาคม เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเก็บภาษีเพิ่มเติม
ประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ แคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งเป็นผู้ส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมรายใหญ่ไปยังสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม สหราชอาณาจักรได้รับการยกเว้นจากการขึ้นภาษีครั้งนี้ เนื่องจากได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับสหรัฐฯ โดยยังคงอัตราภาษีที่ 25% จนถึงอย่างน้อยวันที่ 9 กรกฎาคม
การขึ้นภาษีดังกล่าวส่งผลให้เกิดความตึงเครียดทางการค้าในระดับโลก และสร้างความไม่แน่นอนในตลาดการเงิน นักลงทุนต่างจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าอย่างใกล้ชิด
Source :Elon Musk leaving Trump administration, capping turbulent tenure | Reuters
Trump announces travel ban from 12 countries to the U.S.

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงนามประกาศเมื่อวันพุธ (4 มิ.ย.) ห้ามพลเมืองจาก 12 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐฯ โดยระบุว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวมีความจำเป็นเพื่อปกป้องประชาชนจาก “ผู้ก่อการร้ายต่างชาติ” และภัยคุกคามด้านความมั่นคงอื่นๆ
ประเทศที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ อัฟกานิสถาน เมียนมาร์ ชาด คองโก อิเควทอเรียลกินี เอริเทรีย เฮติ อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน และเยเมน
นอกจากนี้จะมีการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศของผู้คนจากอีก 7 ประเทศ ได้แก่ บุรุนดี คิวบา ลาว เซียร์ราลีโอน โตโก เติร์กเมนิสถาน และเวเนซุเอลา
US-China trade talks continue to ease

Europe cuts interest rates, Germany rolls out tax cuts package
ECB ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (deposit rate) ลงมาอยู่ที่ 2.00% โดยเป็นการลดเป็นครั้งที่แปดในรอบปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนด้านการค้าระหว่างประเทศ
คณะรัฐมนตรีเยอรมนีได้อนุมัติแพ็คเกจการลดภาษีมูลค่า 46,000 ล้านยูโร (ประมาณ 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อกระตุ้นการลงทุนของภาคธุรกิจและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยมาตรการนี้จะมีผลตั้งแต่ปี 2025 ถึง 2029 สาระสำคัญของแพ็คเกจนี้ ได้แก่:
📌 มาตรการ | 📋 รายละเอียด |
🏭 1. หักค่าเสื่อมราคาพิเศษ (Super Depreciation) | บริษัทสามารถหักค่าเสื่อมราคาได้ สูงสุด 30% ต่อปี เป็นเวลา 3 ปี (2025–2027) เพื่อจูงใจให้ลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ |
🚗 2. ส่งเสริมการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า | ผู้ซื้อสามารถหักค่าเสื่อมราคาได้ สูงสุด 75% ของราคาซื้อ ในปีที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า |
📉 3. การลดอัตราภาษีนิติบุคคล | เริ่ม ลดภาษีนิติบุคคลปีละ 1% ตั้งแต่ปี 2028 ถึง 2032 รวมลดลงทั้งหมด 5% เหลือ 10% |
กองทุนเสนอขายครั้งแรก และการจัดอันดับกองทุนพักเงิน

จัดอันดับกองทุนพักเงินประเภทกองทุนตลาดเงินและตราสารหนี้ระยะสั้น โดยเรียงลำดับตามอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี


ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ https://wealthcertified.co.th/market-update/
Disclaimer
ข้อมูลและเนื้อหาในเอกสารฉบับนี้ ถูกรวบรวมขึ้นจากแหล่งที่มาที่พิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามทางบริษัทนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด ไม่อาจรับประกันความถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบันของเอกสารฉบับนี้ รวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ ข้อมูลและความคิดเห็นในเอกสารฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ผู้ลงทุนต้องเข้าใจว่า ผลตอบแทนในอดีตไม่สามารถนำเอามาใช้รับประกันผลตอบแทนในปัจจุบันและอนาคตได้ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลขาดทุนจากการขาดทุนได้ จึงต้องทำความเข้าใจลักษณะผลิตภัณฑ์ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานที่นำเสนอนั้น อาจไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิเช่น ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จะต้องมีการเรียกเก็บจากผู้ลงทุน เป็นต้น
เอกสารฉบับนี้ไม่ใช่เอกสารเผยแพร่ให้บุคคลทั่วไปและไม่สามารถนำไปแก้ไข ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนหรือทั้งหมด โดยปราศจากความเห็นชอบและอนุญาตจากบริษัทนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด