ตลาดทั่วโลกปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยยังมีความผันผวนตลอดสัปดาห์แม้จะโดนกดดันจากช่วงต้นสัปดาห์จากข่าวหุ้นที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยปรับตัวลงแรงแต่ก็ฟื้นกลับมาได้หลังนักลงทุนยกความหวังว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยเร็วๆนี้ ดึงให้หุ้นในหลายภูมิภาคฟื้นตัวได้ รวมถึงดอลลาร์แข็งอ่อนค่าเล็กน้อย นักลงทุนให้ราคาว่าโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยได้ภายในเดือน ธ.ค. สูงมาก ดอกเบี้ยที่อาจลดลง กลายเป็น “ตัวเร่ง” ให้ความเสี่ยงลงทุนหุ้นมีโอกาสฟื้นตัว โดยเฉพาะหุ้นที่อ่อนไหวต่อนโยบายดอกเบี้ย นักลงทุนจับตาแนวโน้มการเลือกทิศทางของตลาดในช่วงปีหน้าว่าแทคโนโลยียังเป็นตัวนำได้อยู่หรือไม่ ขณะที่ราคาทองคำก็ปรับขึ้นเช่นกันแต่ภาพรวมยังทรงตัวอยู่ในกรอบ โดยสรุปภาพรวมตลาดจึงเป็นการขึ้นที่ความกลัวยังคงอยู่


ค่า PE ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง หลังความไม่แน่นอนการลดดอกเบี้ย Bond Yield หลายประเทศปรับตัวทรงตัวในระดับเดิม ขณะที่ราคาปรับตัวลดลงทำให้ Earning Yield Gap โดยรวมมีแนวโน้มกว้างกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
News overview from last week


มุมมองแนวโน้มตลาดหลังจากรับข่าวเรื่องของแนวโน้มการลดดอกเบี้ย สินทรัพย์เสี่ยงเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ แต่โหมดยังอยู่ในช่วงระมัดระวัง หากค่าเงินดอลลาร์มีการแข็งค่าอย่างมีนัยยะและสินทรัพย์เสี่ยงอย่างบิตคอยปรับตัวลดลงต่อ มองส่าตลาดอาจเลือกทิศทางการพักตัวมากกว่าขึ้นต่อเนื่อง
Economic Calendar

✅ ตัวที่ออกมา “แย่กว่าคาด / น่าสังเกต”
ADP Nonfarm Employment Change (พ.ย. 2025)
ผลจริง: –32,000 ตำแหน่งงาน (คือหายไป 32,000) นักวิเคราะห์คาดไว้ +5,000 ตำแหน่งงาน
→ แย่กว่าคาด โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคาดการณ์ว่างานจะเพิ่ม
ตลาดแรงงาน – สัญญาณเสื่อมถอย / “no hire, no fire”
ตามรายงาน: บริษัทเอกชนในสหรัฐฯ ปลดงานจำนวนมาก โดยเฉพาะจากธุรกิจเล็ก ๆ, ภาคการผลิต บริการด้านธุรกิจ ข้อมูลสะท้อนว่า hiring ซบ ๆ และ wage growth ชะลอ.
ขณะที่สัปดาห์ล่าสุด “jobless claims” (คนขอรับสวัสดิการว่างงาน) ลดลง — บ่งชี้ว่า lay-off ไม่เยอะ — แต่ก็สะท้อนถึง “ไม่มีการจ้างเพิ่ม” ด้วย (“low-hire, low-fire”)
→ แสดงภาพรวมของตลาดแรงงานที่ “ซบ” และมีความไม่แน่นอน
→ สองประเด็นนี้รวมกัน ถือว่าเป็น “สัญญาณไม่ดี” — แย่กว่าคาด
➖ ตัวที่ออกมา “เฉย ๆ / ไม่โดดเด่น / เบียด ๆ”
Core PCE Price Index (ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน — กลาง / เงินเฟ้อพื้นฐาน)
สำหรับรอบล่าสุด (ประกาศ 5 ธ.ค. 2025) ตัวเลข YoY = 2.8% เท่ากับ “คาดการณ์ 2.8%” และสูงกว่าครั้งก่อน (2.7%) เล็กน้อย.
→ ถือว่า ออกตามคาด — ไม่ได้ “แย่” แบบชัดเจน แต่ก็ไม่ได้เบา หรือ “ดี” จน push ตลาด — คือ อยู่ในโซน “ปกติ / เฉย ๆ”
S&P Global US Manufacturing PMI (พ.ย. 2025)
รายงานล่าสุดอยู่ที่ 52.2 ซึ่งเป็นระดับที่แสดง “ขยายตัวเล็กน้อย” และสูงกว่าค่า preliminary 51.9
→ สถานะไม่ถึงกับ “แข็งแรงมาก” แต่ “แค่คงตัว / ขยายเล็กน้อย” — ประเภท “ไม่แย่นัก”
→ สองตัวนี้ถือว่าเป็น “กลาง ๆ” (ไม่ดีเด่น แต่ไม่ลบหนัก)
💡 แนวโน้มโดยรวม (ภาพใหญ่)
ตลาดงาน (private employment) ดูมีปัญหา — สะท้อนว่าเศรษฐกิจอาจเริ่มชะลอ โดยเฉพาะด้านการจ้างงาน
“เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core PCE)” ยังสูงอยู่ (2.8 %) — ทำให้แรงกดดันต่อดอกเบี้ยยังอยู่ แต่ก็ไม่ได้พุ่งขึ้น
ภาคการผลิต (PMI) ยังพอขยายตัว แต่ก็ “ไม่แรง” — ไม่ได้บอกว่าเศรษฐกิจโตแรง
Flurry of Fed dissents
“เจอโรม พาวเวลล์” (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) พูด (หรือไม่ได้พูด) ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในตลาดการเงินเมื่อคืน มีดังนี้ครับ
1. เขาพูดที่ไหนและเรื่องอะไร?
สถานที่: เจอโรม พาวเวลล์ ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่สถาบันฮูเวอร์ (Hoover Institution) มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
หัวข้อ: เป็นการกล่าวสดุดีและรำลึกถึง จอร์จ ชุลท์ซ (George Shultz) อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ผู้ล่วงลับ
2. ไฮไลท์สำคัญ: “สิ่งที่เขา ไม่ พูด”
ประโยคที่ทำให้นักลงทุนทั่วโลกที่รอฟังอยู่ต้องผิดหวัง (หรือปรับพอร์ต) คือการที่เขาเริ่มต้นด้วยการบอกอย่างชัดเจนว่า:
“เพื่อความชัดเจน ผมจะไม่ขอพูดถึงสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน หรือนโยบายการเงิน” (Just to be clear, I will not address current economic conditions or monetary policy.)
เขาใช้เวลาทั้งหมดในการพูดถึงบทเรียนชีวิตและการทำงานของ จอร์จ ชุลท์ซ แทน โดยไม่มีการส่งสัญญาณเรื่อง “การลดดอกเบี้ย” ในการประชุมเดือนธันวาคมที่กำลังจะถึงนี้เลย
3. ผลกระทบต่อตลาด (Market Reaction)
เนื่องจากตลาดคาดหวังว่าจะได้ยินสัญญาณ Dovish (ผ่อนคลายนโยบาย) หรือทิศทางเศรษฐกิจ การที่เขา “เงียบ” ในเรื่องนี้ส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาในตลาดช่วงข้ามคืน:
คริปโตเคอร์เรนซี: มีแรงเทขายใน Bitcoin และเหรียญอื่นๆ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่า Fed จะลดดอกเบี้ยแน่นอนหรือไม่ (Bitcoin ร่วงหลุดระดับ 90,000 ดอลลาร์ในช่วงสั้นๆ ก่อนจะดีดกลับขึ้นมา)
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ: ปิดผสมผสานหรือปรับตัวลงเล็กน้อย เพราะขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ จากปากประธาน Fed
สรุปสั้นๆ: ถ้าคุณเทรดหรือตามข่าวอยู่ “เจอโรม” ไม่ได้พูดเรื่องดอกเบี้ยหรือเศรษฐกิจเลยครับ เขาไปพูดไว้อาลัยบุคคลสำคัญแทน ทำให้ตลาดที่รอข่าวดีต้องเก้อไปครับ
source : Flurry of Fed dissents in coming meetings could pose market, political risks | Reuters
Earnings CrowdStrike

CrowdStrike (CRWD) — สถานะงบ: ดีกว่าคาด
Highlight:
Revenue: รายได้รวมไตรมาสล่าสุดโตประมาณ +22% YoY ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง แรงจากดีมานด์ Cybersecurity + โซลูชันที่ใช้ AI
Subscription Revenue: โตแข็งมาก อยู่ราว +21% YoY และคิดเป็น ~95% ของรายได้ทั้งหมด ทำให้รายได้มีความเสถียรสูง
ARR (Annual Recurring Revenue): โต +23% YoY แตะระดับราว $4.9bn — จุดเด่นสำคัญของ CrowdStrike
Net New ARR: เพิ่มขึ้นแรงมาก +73% YoY ถือเป็นตัวเลข record ของบริษัท สะท้อนลูกค้าใหม่เข้ามาเยอะ
กำไร Non-GAAP: EPS ออกมาดีกว่าคาด และ Free Cash Flow แข็งแกร่งมาก ทำระดับสูงสุดใหม่
Cash Flow: ทั้ง Operating CF และ Free CF โตสูง ทำให้บริษัทมีเงินสดสำหรับลงทุนขยายผลิตภัณฑ์และ M&A
ประเด็นสำคัญ
1) Priced to Perfection — Valuation ตึง
ราคาหุ้นปรับขึ้นแรงก่อนประกาศงบ ส่งผลให้ตลาดตั้งความคาดหวังสูงมาก
แม้งบจะ “ดีกว่าคาด” แต่ราคาหุ้นอาจตอบสนองไม่มาก เพราะข่าวดีส่วนใหญ่ถูกสะท้อนไปก่อนแล้ว
2) ความกังวลด้าน Margin
ถึงแม้รายได้และ ARR โตแรง แต่ตลาดเริ่มโฟกัสว่า
ต้นทุนการบริการด้าน Security Platform สูงขึ้น
การแข่งขันในตลาด Cybersecurity รุนแรงขึ้น
ลูกค้ารายใหญ่เริ่มต่อรองราคา ทำให้ความเสี่ยงต่อ Gross Margin และ Net Margin ในไตรมาสถัดไปเพิ่มขึ้น
3) การแข่งขันสูงในตลาด Cybersecurity
คู่แข่งทั้ง Palo Alto Networks, Microsoft Defender, Zscaler และ SentinelOne กดดันให้ CrowdStrike ต้องลงทุนด้าน AI และแพลตฟอร์มมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่ม
source : ปฏิทินและรายงานผลประกอบการ: สหรัฐอเมริกา — TradingView
Earnings Salesforce

✅ Salesforce — ประเด็นสำคัญ
รายได้โตแข็งแรง ไตรมาสล่าสุดทำ $10.26B และกำไรสุทธิกว่า $2.09B
/ EPS 3.25 ดีกว่าคาดที่ 2.86 (ดีกว่าคาด13.59%)
ผลิตภัณฑ์ AI-agent (Agentforce) ทำยอดขายเกินเป้า > $500M/ปี ดันให้บริษัท ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ทั้งปี
EPS ปรับแล้ว (adjusted) สูงถึง $3.25 และคาด Q4 ยังเติบโตต่อเนื่อง
โฟกัสชัดสู่ AI + Data enterprise ผ่าน Agentforce และ Data 360
sentiment นักลงทุนดีขึ้นหลังหุ้นปรับฐานก่อนหน้า → อยู่ในช่วง “กลับมาโตจริง” แต่ต้องรักษา execution ให้ได้
บริษัทได้ “ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ทั้งปี” หลังจากผลิตภัณฑ์ AI-agent ใหม่อย่าง Agentforce ทำยอดขายทะลุเป้า (ยอดขายประจำปี > 500 ล้านดอลลาร์)
รายได้รวมในไตรมาสนั้นสูงถึง 10.26 พันล้านดอลลาร์ และกำไรสุทธิกว่า 2.09 พันล้านดอลลาร์ (หรือ 2.19 ดอลลาร์ต่อหุ้น) — โดยหากปรับตามมาตรฐาน (adjusted) อยู่ที่ราว 3.25 ดอลลาร์ต่อหุ้น
บริษัทคาดการณ์สำหรับ Q4 ว่า มีโอกาสทำรายได้ราว 11.13–11.23 พันล้านดอลลาร์ และปรับ EPS เป็น 3.02–3.04 ดอลลาร์ต่อหุ้น — เป็นการยืนยันว่า บริษัทมองอนาคตค่อนข้างสดใส และเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ AI / Data-centric เยอะขึ้น
จุดแข็งสำคัญตอนนี้คือ Agentforce + สินค้าอีกกลุ่มคือ “Data 360” ที่สะท้อนทิศทางแบบ “Enterprise software + AI + Data” — แสดงให้เห็นว่า Salesforce กำลัง reposition ตัวเองไปสู่แบ็กเอนด์ AI/Data-driven แบบเต็มตัว
สำหรับนักลงทุน: ดูเหมือน Salesforce กำลังได้รับความเชื่อมั่นกลับมา (stock rebound) หลังความกังวลก่อนหน้าเรื่อง “AI-overpromise / หุ้นปรับฐาน” — ถ้าบริษัท deliver ตาม guidance ได้ อาจเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับลงทุนระยะกลาง-ยาว
สรุป: Salesforce ตอนนี้อยู่ในจุดที่ “เริ่มกลับมาโตจริง” โดยเฉพาะผ่านบริการ AI + Data enterprise โดยมี momentum ที่ดี และคาดหวังต่อเนื่อง — แต่ key คือการรักษา “execution” ให้ได้ตามคำมั่น
source : ปฏิทินและรายงานผลประกอบการ: สหรัฐอเมริกา — TradingView
Earnings Snowflake

🔍 Snowflake — ประเด็นสำคัญ
รายได้โตต่อเนื่อง: Q4 Product revenue 943M (+28% YoY) และรายได้รวมใกล้ $1.21B
/ EPS 0.35 ดีกว่าคาดที่ 0.31 (ดีกว่าคาด12.32%)
NRR 126% สะท้อนลูกค้าใช้เพิ่มแข็งแรง + recurring income แน่น
ทั้งปี FY2025: Product revenue โต ~30% และ non-GAAP operating income เป็นบวก
Backlog (RPO) สูงถึง $6.9B → visibility รายได้อนาคตดีมาก
ยังขาดทุนตาม GAAP เพราะ stock-based compensation สูง → นักลงทุนกังวล dilution
ธุรกิจฐานดีมาก แต่ key คือการบริหารต้นทุนให้ใกล้กำไรจริงมากขึ้น
บริษัทมี backlog / “remaining performance obligations” (สัญญาที่ยังไม่ recognize รายได้) ราว US$6.9 พันล้าน — แปลว่า มีรายได้ในอนาคตที่ถูกสัญญาไว้ค่อนข้างเยอะ (good revenue visibility)
อย่างไรก็ตาม — แม้รายได้และการเติบโตดี แต่ Snowflake ยังมี “operating losses” ถ้าวัดแบบ GAAP (ค่าใช้จ่ายลงทุน, stock-based compensation เหลือ) ดังนั้นเรื่อง “กำไรสุทธิจริง vs adjusted” — ยังเป็นจุดที่นักลงทุนบางส่วนกังวล
จุดที่น่าสนใจ: Snowflake เน้นการขยายในตลาด AI + Data cloud ต่อ, มี retention rate และ customer base ที่แข็งแรง รวมถึง backlog ที่ช่วยให้ revenue ในปีหน้าแน่นอน — ถ้าบริหารต้นทุนดี อาจ transform ไปเป็น “กำไรจริง” ได้
สรุป: Snowflake ตอนนี้: “ธุรกิจฐานมั่นคง + growth strong + backlog ยาว” — เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว ถ้าพิจารณาว่า บริษัทสามารถจัดการต้นทุน และเติบโตเข้าสู่จุดขาดทุนลดลงได้
source : ปฏิทินและรายงานผลประกอบการ: สหรัฐอเมริกา — TradingView
Netflix-Warner Brothers deal
การควบรวมกิจการระดับประวัติศาสตร์ โดย Netflix ตกลงเข้าซื้อธุรกิจสตูดิโอและสตรีมมิ่งของ Warner Bros. Discovery
มูลค่าดีล: ประมาณ 82,700 ล้านดอลลาร์ (ราว 8.3 หมื่นล้านเหรียญ) โดยเป็นการซื้อด้วยเงินสดและหุ้น
สิ่งที่ Netflix ได้ไป:
HBO และ HBO Max: แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งคู่แข่งสำคัญ พร้อมฐานสมาชิก
Warner Bros. Pictures & Television: สตูดิโอผู้สร้างภาพยนตร์และซีรีส์ระดับโลก
ลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ยักษ์ใหญ่: เช่น Harry Potter, Game of Thrones, DC Universe (Batman, Superman), Friends และ The Big Bang Theory
สิ่งที่ “ไม่ได้” ไป (Spinoff): ธุรกิจช่องทีวีเคเบิลแบบดั้งเดิม (Linear TV) ของ WBD เช่น CNN, TNT Sports และช่อง Discovery จะถูกแยกตัวออกไปตั้งเป็นบริษัทใหม่ชื่อ “Discovery Global” เพื่อลดภาระหนี้และธุรกิจที่กำลังถดถอย
ตลาดตอบรับผ่านราคาหุ้นในเชิงลบ Netflix ราคาซื้อที่แพงมหาศาล (Premium Price): นักลงทุนมองว่า Netflix จ่ายเงินซื้อแพงเกินไป ($83 Billion) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดและกำไรของบริษัทในระยะสั้น
ความเสี่ยงด้านกฎหมาย (Regulatory Risk): ดีลขนาดใหญ่ที่รวมเบอร์ 1 ของวงการสตรีมมิ่งเข้ากับสตูดิโอระดับโลก จะถูกเพ่งเล็งเรื่อง “การผูกขาดทางการค้า” (Antitrust) อย่างหนักจากรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้ดีลล่มหรือยืดเยื้อได้
ภาระหนี้และการปรับโครงสร้าง: การต้องแบกรับธุรกิจสตูดิโอขนาดใหญ่และการบริหารจัดการพนักงานจำนวนมาก เป็นสิ่งที่ Netflix ไม่เคยทำมาก่อน (ปกติเน้น Tech & Content เพียวๆ) ทำให้นักลงทุนกังวลเรื่องประสิทธิภาพในการบริหาร
Trump กล่าวว่าเขาจะ “มีส่วนในการตัดสินใจ” ว่าดีลควรถูกอนุมัติหรือไม่ หลัง Netflix เสนอซื้อธุรกิจสตูดิโอ + สตรีมมิงของ Warner Bros. Discovery มูลราว 72 พันล้านดอลลาร์
เขาไม่ได้บอกชัดว่า “สนับสนุน” หรือ “คัดค้าน” ดีล — แต่เน้นว่า “การรวมตลาดมากเกินอาจเป็นปัญหา” (market-share ของ Netflix + Warner Bros. อาจใหญ่เกินไป)
Trump ระบุว่า จะให้ “นักเศรษฐศาสตร์” และหน่วยงานกำกับดูแลช่วยประเมินผลกระทบ — เพราะ “ส่วนแบ่งตลาดเยอะมาก” ถ้าดีลผ่าน อาจมีผลต่อตลาดสื่อ/ความบันเทิงในวงกว้าง
source : Trump says he’ll be involved in review of Netflix-Warner Brothers deal | Reuters
กองทุนเสนอขายครั้งแรก และการจัดอันดับกองทุนพักเงิน

จัดอันดับกองทุนพักเงินประจำสัปดาห์ วันที่ 08 ธันวาคม 2568 ประเภทกองทุนตลาดเงิน ตราสารหนี้ระยะสั้น และตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว โดยเรียงตามอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี



ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ https://wealthcertified.co.th/market-update/
Disclaimer
ข้อมูลและเนื้อหาในเอกสารฉบับนี้ ถูกรวบรวมขึ้นจากแหล่งที่มาที่พิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามทางบริษัทนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด ไม่อาจรับประกันความถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบันของเอกสารฉบับนี้ รวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ ข้อมูลและความคิดเห็นในเอกสารฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ผู้ลงทุนต้องเข้าใจว่า ผลตอบแทนในอดีตไม่สามารถนำเอามาใช้รับประกันผลตอบแทนในปัจจุบันและอนาคตได้ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลขาดทุนจากการขาดทุนได้ จึงต้องทำความเข้าใจลักษณะผลิตภัณฑ์ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานที่นำเสนอนั้น อาจไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิเช่น ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จะต้องมีการเรียกเก็บจากผู้ลงทุน เป็นต้น
เอกสารฉบับนี้ไม่ใช่เอกสารเผยแพร่ให้บุคคลทั่วไปและไม่สามารถนำไปแก้ไข ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนหรือทั้งหมด โดยปราศจากความเห็นชอบและอนุญาตจากบริษัทนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด