บทความการลงทุนประจำสัปดาห์ระหว่างวันที่ 5 – 9 สิงหาคม 2567
เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% ตามคาด จ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเดือนก.ค. อ่อนแอกว่าคาด
BOJ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.15% สู่ 0.25% และและอัปเดทข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอื่นๆ
Executive Summary
- เรามองว่าสัปดาห์นี้มีโอกาสที่ตลาดหุ้นจะฟื้นตัวสูง หลังจากปรับตัวลงแรงต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า แต่จะคงเผชิญกับความผันผวนจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์และงบไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนที่จะรายงานในช่วงเดือนส.ค. ซึ่งตลาดค่อนข้างมีความคาดหวังสูง อย่างไรก็ตามภาพระยะ 6-12 เดือนข้างหน้า เรามองว่าตลาดหุ้นทั่วโลกยังเป็นขาขึ้น จากปัจจัยหนุนกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ดีขึ้น และแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก แต่หลังจากนี้ตลาดจะมีความผันผวนและปัจจัยระยะสั้นรบกวนตลาดมากขึ้น (low visibility and uncertainty) ทั้งนี้เราแนะนำในช่วงที่ตลาดหุ้นย่อตัวเป็นจังหวะเข้าลงทุน
- Special Headlines:
เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% ตามคาด
จ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเดือนก.ค. อ่อนแอกว่าคาด
BOJ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.15% สู่ 0.25% - มุมมอง: เราแนะนำกระจายการลงทุนท่ามกลางตลาดที่ยังคงผันผวน จากปัจจัยกดดันหลายส่วน โดยเน้นลงทุนหุ้นขนาดใหญ่สหรัฐในกลุ่ม value และ quality growth ที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งและมีรายได้สม่ำเสมอ อย่าง หุ้นกลุ่ม technology healthcare และ Industrial เป็นต้น และเรามองว่าตลาดหุ้น Asia ex. Japan และเวียดนามในช่วงนี้เป็นโอกาสน่าลงทุนสำหรับการลงทุนระยะกลางถึงยาว เนื่องจาก valuation ของตลาดอยู่ในระดับที่ค่อนข้างถูก ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนมีการเติบโตในระดับที่สูงตามปัจจัยพื้นฐาน
Weekly Asset Total Return
ที่มา: Koyfin.com data as of 3 August 2024
เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% ตามคาด
- คงอัตราดอกเบี้ย: คณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงไว้ที่ระดับ 5.25%-5.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี
- ปรับเปลี่ยนถ้อยคำแถลง: เฟดได้ปรับเปลี่ยนถ้อยคำในแถลงการณ์ในการประชุมครั้งนี้ โดยระบุว่า “คณะกรรมการให้ความสำคัญกับความเสี่ยงทั้งด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อ” จากเดิมที่ระบุว่า “ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ”
- ปรับลดระดับความกังวลเงินเฟ้อ: เฟดระบุว่าแรงกดดันด้านราคาสินค้ายังคง “สูงขึ้นเล็กน้อย” และยอมรับว่ามี “ความคืบหน้ามากขึ้น” ในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ จากเดิมที่ระบุว่ามี “ความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย”
- ปรับมุมมองตลาดแรงงาน: เฟดระบุว่าการเพิ่มขึ้นของจำนวนการจ้างงาน “ชะลอตัวลง” และอัตราการว่างงาน “เพิ่มขึ้น แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ”
- •ด้านนัลกงทุนเพิ่มน้ำหนักถึง 80% จาก 15% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือนก.ย.
ที่มา: Bloomberg และ WSJ
จ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเดือนก.ค. อ่อนแอกว่าคาด
- กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงาน จำนวนการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 114,000 คน น้อยกว่าการคาดการณ์ที่ 175,000 คน ด้านรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงเพิ่มขึ้น 0.2% MoM ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ และเมื่อเทียบรายปีเพิ่มขึ้น 3.6%YoY ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2021
- อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.3% จากระดับ 4.1% ในเดือนก่อนหน้า และสูงกว่าที่ตลาดคาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ด้านภาคการศึกษาเอกชนและบริการด้านสุขภาพมีส่วนหนุนประมาณครึ่งหนึ่งของการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างแรงงานในเดือนก.ค. อย่างไรก็ตามเงินเดือนภาคเอกชนโดนรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020
- หลังจากที่ตลาดรู้ผลรายงานดังกล่าว มีการพูดถึง Sahm Rule ซึ่งเป็นมาตรวัดที่บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย คือ เมื่ออัตราการว่างงานเฉลี่ยสามเดือนสูงกว่าระดับต่ำสุด 12 เดือน ที่ 0.5% บ่งชี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังจะเกิดขึ้น
- รายงานดังกล่าวมีการถกเถียงถึงผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนเบอริล โดยผลสำรวจเผยว่า มีคนที่ไม่ได้ทำงานเพราะสภาพอากาศมากกว่า 14 เท่าของค่าเฉลี่ย และอีก 1 ล้านคนที่ทำงานเต็มเวลาเปลี่ยนมาเป็นงานพาร์ทไทม์ เนื่องจากสภาพอากาศ ซึ่งสิ่งนี้อาจส่งผลกระทบต่อจำนวนชั่วโมงทำงานและการเติบโตของค่าจ้างในเดือนก.ค.
ที่มา: Bloomberg และWSJ
BOJ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.15% สู่ 0.25%
- ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย: ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.15% สู่ระดับ 0.25% ในเดือนการประชุมนโยบายการเดือนก.ค. โดยระบุว่าเงินเฟ้ออยู่ในแนวทางที่ประเมิน ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้
- ลดการซื้อพันธบัตร: BOJ เผยแผนการลดการซื้อพันธบัตรรัฐบาลต่อเดือนลงเหลือประมาณ 3 ล้านล้านเยนภายในไตรมาสแรกของปี 2026 ส่งผลให้การถือครองพันธบัตรรัฐบาลโดยรวมลดลง 7-8% ในอีกสองปีข้างหน้า
- สัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง: ผู้ว่า BOJ ส่งสัญญาณว่า จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป แต่จะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า และปฏิเสธว่าอัตราดอกเบี้ย 0.5% ไม่ใช่เพดานอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้
- มุมมองเศรษฐกิจเชิงบวก: BOJ มองเศรษฐกิจในเชิงบวก โดยคณะกรรมการระบุว่าการเติบโตของเศรษฐกิจน่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าศักยภาพ และ BOJ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยคาดการณ์ว่าค่าจ้างจะเพิ่มขึ้นต่อไป อย่างไรก็ตามค่าเงินเยนที่อ่อนค่าเป็นความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
ที่มา: Bloomberg และ WSJ
WEEKLY RECAP
US
- สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 46.8 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2023 จากระดับ 48.5 ในเดือนมิ.ย. และสวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 48.8 นอกจากนี้ภาคการผลิตสหรัฐหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4
- สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เผยว่า การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และแบตเตอรี่ ชิปคอมพิวเตอร์ และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ จะล่าช้าออกไปอย่างน้อย 2 สัปดาห์ จากเดิมที่เคยประกาศว่าจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. ซึ่งมีการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้า EV ของจีนขึ้นกว่า 100% และเพิ่มอัตราภาษีสินค้าเซมิคอนดักเตอร์เป็น 50%
- ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 30% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่อัตราว่างงานพุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
Europe
- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 5.00% ตามที่ตลาดคาดการณ์ อย่างไรก็ตามประชาชนอังกฤษยังคงเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง จากอัตราดอกเบี้ย 0.1% ในปี 2021
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของอังกฤษจากเอสแอนด์พี โกลบอลอยู่ที่ระดับ 52.1 ในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 50.9 ในเดือนมิ.ย. โดยถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2022 และสูงกว่าที่ตลาดคาด ด้านผู้ผลิตเริ่มจ้างพนักงานเพิ่มเป็นครั้งแรกในรอบ 22 เดือน
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เผยว่า กิจกรรมภาคการผลิตในยูโรโซนยังคงหดตัวต่อเนื่องในเดือนก.ค. และลดลงแรงที่สุดในปีนี้ อยู่ที่ระดับ 45.8 ในเดือนก.ค ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนมิ.ย. แต่สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนยังเผชิญกับความยากลำบาก และคาดว่านักวิเคราะห์อาจจะปรับลดประมาณการการเติบโต GDP ของยูโรโซนปีนี้ลงจาก 0.8%
Asia
- ไชน่า เรียล เอสเตท อินฟอร์เมชัน คอร์ป (CRIC) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่ของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของจีนจำนวน 100 แห่ง ร่วงลง 19.7%YoY ในเดือนก.ค. หลังจากที่ลดลง 17%YoY ในเดือนมิ.ย. ตอกย้ำว่ามาตรการช่วยเหลือล่าสุดของรัฐบาลไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง และภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ด้าน S&P Global Ratings คาดว่ายอดขายบ้านในจีนจะลดลง 15% ในปีนี้ จากลดลง 5% ส่วน Fitch Ratings คาดว่ายอดขายบ้านจะลดลง 15%-20% จากคาดว่าจะลดลง 5%-10%
- ไฉซินและเอสแอนด์พี โกลบอลเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ค.ของจีนหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน โดยลดลงสู่ระดับ 49.8 ในเดือนก.ค. จากระดับ 51.8 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่ตลาดคาด และสอดคล้องกับสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่าดัชนีดังกล่าวปรับตัวลงสู่ระดับ 49.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายจาก au Jibun Bank อยู่ที่ระดับ 49.1 ในเดือนก.ค. ลดลงมาจากระดับ 50 ในเดือนมิ.ย. โดยอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของญี่ปุ่นในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2024 เริ่มต้นได้ไม่ดีนัก
Commodities
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับตัวลดลงที่ระดับ 72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ถูกกดดันจากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐจะข้าสู่ภาวะถดถอยและเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว รวมถึงสต็อกน้ำมันในคลังน้ำมันหลายแห่งทั่วโลกที่เพิ่มมากขึ้น และคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันจากภัยสงคราม
- ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น 2,440 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ได้ปัจจัยหนุนจากคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ หลังสหรัฐเผยข้อมูลเศรษฐกิจและการจ้างงานนอกภาคเกษตรอ่อนแอเกินคาด
- เงินบาทแข็งค่าที่ระดับ 35.35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน โดยระหว่างสัปดาห์เคลื่อนไหวอย่างผันผวนจากประเด็นการเมืองในประเทศและตามทิศทางค่าเงินเยน หลัง BOJ ปรับขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามนักค้าเงินบางส่วนมองว่า downside ของเงินบาทมีไม่มากจากระดับปัจจุบัน เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศยังคงเปราะบาง
ความเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
ที่มา: Tradingview.com as of 3 August 2024
อัปเดทกองทุนพักเงิน
ที่มา: AspenRTD, data as of 3 August 2024
หมายเหตุ: ข้อมูลการจัดอันดับกองทุนเป็นเพียงข้อมูลหนึ่งที่ใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน
โดยรายละเอียดกองทุนที่แนะนำให้กับลูกค้าจะมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับระดับการยอมรับความเสี่ยง ผลตอบแทนคาดหวัง ข้อจำกัดในการลงทุนของแต่ละบุคคล และเรามีการคัดเลือกและวิเคราะห์กองทุนที่เหมาะกับวัตถุประสงค์การลงทุนของแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ติดต่อทีมงานฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน เพื่อสอบถามรายละเอียดและคำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมกับท่าน ได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 02-026-6875 หรือ อีเมลล์ investment@wealthcertified.co.th
Wealth Certified Investment Team
นาย พันเลิศ เจริญสวรรค์ : นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน ผู้วางแผนการลงทุน
นาย กรวิชญ์ สำเภาสงฆ์ : นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน ผู้วางแผนการลงทุน
อ่านบทความย้อนหลังได้ที่
https://wealthcertified.co.th/wcia-monthly-insight-august-2024/
https://wealthcertified.co.th/wcia-weekly-highlight-23-july-2024/