บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด (“บริษัท”) จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“นโยบายฯ”) สำหรับบุคคลหรือนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์หรือดำเนินกิจกรรมกับบริษัท โดยบริษัทจะนำข้อมูลส่วนบุคคลตามความยินยอมของท่านไปใช้กับวัตถุประสงค์ตามนโยบายฯ ทั้งนี้ สาระสำคัญของนโยบายฯ เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึง กฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือกฎหมายที่ออกตามใจความของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
First header | Second header |
---|---|
ข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) | ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ |
ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Information) | ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นเรื่องส่วนตัวโดยแท้และมีความละเอียดอ่อน ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่กฎหมายประกาศกำหนด |
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller) | บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งในที่นี้หมายถึง บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด |
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processor) | บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล |
การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล | การดำเนินการหรือชุดการดำเนินการใดๆ ซึ่งกระทำต่อข้อมูลส่วนบุคคลหรือชุดข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะโดยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ เช่น การเก็บ บันทึก จัดระบบ จัดโครงสร้าง เก็บรักษา เปลี่ยนแปลงหรือปรับเปลี่ยน การรับ พิจารณา ใช้ เปิดเผยด้วยการส่งต่อ เผยแพร่ หรือการกระทำอื่นใดซึ่งทำให้เกิดความพร้อมใช้งาน การจัดวางหรือผสมเข้าด้วยกัน การจำกัด การลบ หรือการทำลาย |
ประเภทบุคคลที่อยู่ภายใต้นโยบาย | รายละเอียดและตัวอย่าง |
1. ลูกค้าบุคคลธรรมดาของบริษัท ("ลูกค้าบุคคลธรรมดา") | ลูกค้าบุคคลธรรมดาของบริษัท เช่น - ผู้ซึ่งใช้หรือเคยใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ - ผู้ติดต่อสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ - ผู้ที่รับทราบข้อมูลผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการผ่านช่องทางต่างๆ - ผู้ที่ได้รับการเสนอหรือชักชวนจากบริษัทให้ใช้หรือรับผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ |
2. บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับลูกค้านิติบุคคลของบริษัท หรือนิติบุคคลที่มีการทำธุรกรรมกับบริษัท ("บุคลากรของนิติบุคคล") | บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับลูกค้านิติบุคคลของบริษัท หรือนิติบุคคลที่มีการทำธุรกรรมกับบริษัท เช่น - ผู้ถือหุ้น - กรรมการ - ผู้มีอำนาจกระทำการแทน - หุ้นส่วนตัวแทน - พนักงาน เจ้าหน้าที่ และ/หรือ ผู้ที่ได้รับมอบหมาย |
3. บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมของบริษัทหรือลูกค้าของบริษัท | บุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมของบริษัทหรือลูกค้าของบริษัท เช่น - ผู้ติดต่อ - ลูกจ้าง พนักงาน เจ้าหน้าที่ บุคลากร - บุคคลในครอบครัว เพื่อน เพื่อนบ้าน - บุคคลที่ลูกค้าของบริษัทแนะนำหรืออ้างอิง - ผู้ลงทุน - คู่ค้า เจ้าหนี้ ลูกหนี้ ผู้ให้เช่า ผู้เช่า - บุคคลที่ได้ชำระเงินให้แก่หรือรับเงินจากลูกค้าของบริษัท - บุคคลอื่นใดที่บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากการทำธุรกรรมของลูกค้า - บุคคลที่ได้เข้าชมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันหรือบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของบริษัท หรือเข้าใช้บริการที่สาขาหรือสำนักงานใหญ่ของบริษัท - ที่ปรึกษาด้านวิชาชีพ - บุคคลธรรมดาอื่นในทำนองเดียวกัน |
4. บุคคลธรรมดาทั่วไป | บุคคลธรรมดาทั่วไป เช่น - บุคคลที่บริษัทมีความสัมพันธ์ ปฏิสัมพันธ์ ติดต่อกันโดยประการอื่น หรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัท หรือที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลมาทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ว่าผ่านช่องทางใด |
บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามความจำเป็นและถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานตามหน้าที่ เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ข้อมูลการเงิน และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนเสมอ โดยจำแนกดังนี้
ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล และ/หรือชื่อเล่น อายุ เพศ เลขประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง เลขบัตรต่างด้าว เลขบัตรประกันสังคม เลขใบอนุญาตขับขี่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี รูปภาพใบหน้า ลายนิ้วมือ ลายมือชื่อ ข้อมูลอัตลักษณ์เสียง ข้อมูลพันธุกรรม วันเกิดและสถานที่เกิด สัญชาติ น้ำหนัก ส่วนสูง ข้อมูลตำแหน่งที่อยู่
บริษัทจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้และตามที่กฎหมายกำหนด โดยจะใช้ข้อมูลเฉพาะที่จำเป็นและไม่เกินขอบเขตของวัตถุประสงค์ที่กำหนด
เพื่อใช้ในการพิจารณาการเปิดบัญชีกับบริษัทฯ และบริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม ภายใต้คำแนะนำของบริษัท รวมถึง การซื้อ ขาย โอน หรือสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนหรือหลักทรัพย์ภายใต้การให้คำแนะนำการลงทุนของบริษัท
บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลภายนอก ยกเว้นได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล หรือเป็นการเปิดเผยตามที่กฎหมายกำหนดหรืออนุญาต แก่บุคคลภายนอกได้แก่
บริษัทหลักทรัพย์ผู้ให้บริการซื้อขายหน่วยลงทุนหรือหลักทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมภายใต้คำแนะนำของบริษัท
หน่วยงานกำกับดูแลหรือหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมาย ได้แก่
การประมวลผลอื่นๆ
บริษัทมีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเข้าถึง การใช้ การแก้ไข และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น การใช้เทคโนโลยีในการรักษาความปลอดภัย และการจัดฝึกอบรมให้กับพนักงาน รวมถึงจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยเก็บในรูปแบบเอกสารหลักฐานที่เป็นกระดาษ (hard copy) และในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (soft file) ไว้ในสถานที่ที่ปลอดภัยและมีการควบคุมสิทธิการเข้าถึงข้อมูล และจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตลอดระยะเวลาที่ท่านได้ให้ความยินยอม จนกว่าจะมีการเพิกถอนความยินยอม เว้นแต่ การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะต้องจัดเก็บตามระยะเวลาที่กฎหมายเฉพาะได้กำหนดไว้
บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยเก็บในรูปแบบเอกสารหลักฐานที่เป็นกระดาษ (hard copy) และในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (soft file) ไว้ในสถานที่ที่ปลอดภัยและมีการควบคุมสิทธิการเข้าถึงข้อมูล และจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตลอดระยะเวลาที่ท่านได้ให้ความยินยอม จนกว่าจะมีการเพิกถอนความยินยอม เว้นแต่ การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะต้องจัดเก็บตามระยะเวลาที่กฎหมายเฉพาะได้กำหนดไว้
เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการเข้าถึง แก้ไข ลบข้อมูล และระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิในการยกเลิกความยินยอมเมื่อใดก็ได้ โดยสามารถติดต่อบริษัทตามช่องทางที่กำหนด โดยสามารถดำเนินการดังนี้
หากเจ้าของข้อมูลมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขข้อร้องเรียนโดยเร็วที่สุด โดยเจ้าของข้อมูลสามารถติดต่อบริษัทผ่านช่องทางต่อไปนี้:
บริษัทจะทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นปัจจุบันเป็นประจำทุกปีเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ และ กฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องเมื่อมีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือมีประกาศที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายคุ้มครองส่วนบุคคลใช้บังคับกับบริษัท
บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปรับปรุงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ โดยจะแจ้งให้ทราบผ่านช่องทางที่เหมาะสม
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สามารถติดต่อได้ที่:
หน้าที่ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
2.1 ระบุความเสี่ยงสำคัญที่อาจจะเกิดขึ้นพิจารณา 3 ด้าน ลักษณะ ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล (มีข้อมูลอ่อนไหวหรือไม่) จำนวนข้อมูล และ ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น หากข้อมูลรั่วไหล
2.2 ทำ Access Control, การกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ใช้งาน และการจัดให้มีวิธีการเพื่อให้ตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับการเข้าถึง
2.3 ทบทวนมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย 3 ส่วนคือ บุคลากร กระบวนการ และ เทคโนโลยี
3.1 กำหนดระดับความเสี่ยง 3 ระดับ คือ ไม่เสี่ยง เสี่ยงน้อย เสี่ยงสูง
3.2 กำหนดแนวทางป้องกันความเสียหาย ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในปัจจุบัน และอนาคต รวมถึงหาแนวทางการบรรเทาผลกระทบ
3.3 เมื่อทราบและประเมินความเสี่ยงแล้วว่ามีการละเมิด หรือข้อมูลรั่วไหล ต้องแจ้งคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.)ภายใน 72 ชั่วโมง กรณีเสี่ยงสูงต้องแจ้งเจ้าของข้อมูลด้วย
ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนดให้องค์กรมีหน้าที่ตามมาตรา 39
ในการจัดให้มีบันทึกรายการกิจกรรมอย่างน้อยดังต่อไปนี้ เพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสามารถตรวจสอบได้
(1) ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม ซึ่งได้แก่คำอธิบายเกี่ยวกับประเภทของบุคคล (categories of individual) หรือประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล (categories of personal data) ที่องค์กรทำการประมวลผล
(2) วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท
(3) ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ ชื่อ และรายละเอียดการติดต่อขององค์กรรวมถึงเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
(4) ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
(5) สิทธิและวิธีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งเงื่อนไขเกี่ยวกับบุคคลที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและเงื่อนไขในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
(6) การใช้หรือเปิดเผยตามมาตรา 27 วรรคสาม กล่าวคือ หากองค์กรใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมตามมาตรา 24 หรือมาตรา 26 องค์กรต้องบันทึกการใช้หรือเปิดเผยนั้นไว้ในรายการตามมาตรา 39 ด้วย ซึ่งในทางปฏิบัติหมายความถึง
(1) ให้ระบุฐานทางกฎหมายในการประมวลผล
(2) ให้ระบุการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคลภายนอก และ
(3) ให้ระบุการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
(7) การบันทึกรายละเอียดการปฏิเสธคำขอหรือการคัดค้านการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรา 30 วรรคสาม (สิทธิในการเข้าถึง) มาตรา 31 วรรคสาม (สิทธิในการขอให้โอนข้อมูล) มาตรา 32 วรรคสาม (สิทธิในการคัดค้านการประมวลผล) และมาตรา 36 วรรคหนึ่ง (สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง) ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
(8) คำอธิบายเกี่ยวกับมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามมาตรา 37 (1) โดยในการจัดทำบันทึกรายการกิจกรรมฯ หรือ Record of Processing Activities (ROPA) องค์กรอาจจัดเตรียมบันทึกรายการกิจกรรมฯ โดยพิจารณาดังนี้
(1) องค์กรที่มีหน้าที่ต้องจัดให้มีการบันทึกรายการกิจกรรมฯ ต้องสอบทานในส่วนของวัตถุประสงค์การประมวลผล การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
(2) องค์กรต้องสามารถให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตรวจสอบบันทึกรายการกิจกรรมฯ ได้
(3) บันทึกรายการกิจกรรมฯ ช่วยให้องค์กรสามารถปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในประเด็นอื่นๆ ได้ดียิ่งขึ้น และช่วยสร้างธรรมาภิบาลของข้อมูล
(4) ทั้งผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล มีหน้าที่ในการจัดทำเอกสารบันทึกรายการกิจกรรมฯ
(5) การทำผังวงจรชีวิตของข้อมูลจะช่วยตรวจสอบกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในองค์กรให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน
(6) บันทึกรายการกิจกรรมฯ ต้องมีความถูกต้องเป็นปัจจุบันและสะท้อนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในองค์กร ดังนั้น เมื่อมีความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีผลกระทบต่อความถูกต้องสมบูรณ์ของบันทึกรายการกิจกรรมอาทิ มีการโอนข้อมูลเพิ่มเติมไปยังองค์กรอื่น ๆ ทั้งในและต่างประเทศ หรือมีการขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล จึงต้องมีการแก้ไขบันทึกรายการกิจกรรมฯ ด้วยเป็นต้น
ในส่วนข้อแนะนำในการจัดทำบันทึกรายการกิจกรรมฯ มีข้อแนะนำเพิ่มเติมตามแนวปฏิบัติที่ดีของUK ICO ซึ่งเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของอังกฤษ ดังนี้
1) ในการทำบันทึกกิจกรรมฯ องค์กรควรดำเนินการ ดังนี้
1.1) ทบทวนการประมวลผลขององค์กรว่ามีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลประเภทใดบ้าง
1.2) มีการสอบทานข้อเท็จจริงกับบุคคลต่าง ๆ ในองค์กรเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับกิจกรรมการประมวลผล
1.3) ได้ทำการทบทวนนโยบาย แนวทางปฏิบัติ สัญญาหรือข้อตกลงซึ่งเกี่ยวข้องกับระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูล มาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัย และการเปิดเผยหรือการโอนข้อมูล
2) ในการจัดทำบันทึกรายการกิจกรรมฯ องค์กรได้ทำการเชื่อมโยงข้อมูลดังนี้
2.1) ข้อมูลที่ต้องแจ้งหรือเปิดเผยในประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)
2.2) บันทึกความยินยอม
2.3) ข้อตกลงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
2.4) แหล่งที่เก็บของข้อมูลส่วนบุคคล
2.5) การประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
2.6) บันทึกเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
2.7) องค์กรควรจัดทำบันทึกรายการกิจกรรมในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถเพิ่มเติมลบออก และแก้ไขข้อมูลได้โดยง่าย
นอกจากนี้ ตามพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลยังอาจกำหนดเงื่อนไขบางประการเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดทำบันทึกรายการกิจกรรมฯ ได้ดังนี้
(1) กำหนดยกเว้นให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็กตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการฯ กำหนดไม่ต้องจัดทำบันทึกรายการกิจกรรมฯ
(2) กำหนดให้ “ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” มีหน้าที่จัดทำและเก็บรักษาบันทึกรายการของกิจกรรมฯ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการฯ ประกาศกำหนด
ซึ่งในปัจจุบันได้มีประกาศคณะกรรมการฯ ตามข้อ (1) แล้ว ได้แก่ ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง การยกเว้นการบันทึกรายการของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็ก พ.ศ. 2565 ซึ่งเมื่อพิจารณาคู่มือปฏิบัติงานเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ แล้วพบว่า ประกาศฉบับดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯ ไม่อยู่ในลักษณะของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็ก ที่กฎหมายกำหนดให้มีการยกเว้นการดำเนินการตามมาตรา 39 วรรคหนึ่ง (1) (2) (3) (4) (5) (6) และ (8) ในเรื่องการบันทึกรายการของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลแต่อย่างใด
บริษัทฯซึ่งเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ต้องทำการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) ซึ่งได้รับมอบหมายเพื่อทำหน้าที่ดูแล ให้คำแนะนำ หรือตรวจสอบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในองค์กร ให้เป็นไปตามกฎหมายที่ได้กำหนดไว้
คณะกรรมการบริษัทและผู้บริหารระดับสูงมีส่วนร่วมในการวางนโยบายและการปฏิบัติงานของฝ่ายต่างๆดังนี้
นโยบายนี้ปรับปรุงล่าสุดเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567 โดยได้รับอนุมัติจาก คณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567 มีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ประกาศใช้วันที่ 2 กันยายน 2567 เป็นต้นไป
Copyright © 2022 Wealth Certified. All Rights Reserved. | Powered by Fresh Digital
You cannot copy content of this page