เดือนมีนาคม ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง โดยที่ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้น สาเหตุมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากนโยบายการขึ้นภาษีของสหรัฐ โดยล่าสุด ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐก็ส่งสัญญาณที่จะชะลอตัว ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อ (Core PCE) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาขยับขึ้นมาเล็กน้อย ส่วนการลงทุนในไทยต้องจับตาผลกระทบจากแผ่นดินไหววันที่ 28 มีนาคม ที่ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยต้องหยุดการซื้อขาย คาดว่าจะมีผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเศรษฐกิจไทย
Major Indices Return


ค่า PE ตลาดหุ้นทั่วโลกลดลง ยกเว้นอินเดียที่ปรับสูงขึ้น โดยตลาดหุ้นสหรัฐมีค่า Forward PE เที่ 20.2x ตลาดหุ้นยุโรป 14.1x ขณะที่ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงและตลาดหุ้นไทย ใกล้เคียงเดิมที่ โดย Earning Yield Gap กว้างขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลงจากการคาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐจะปรับลด 2-3 ครั้ง
Headlines Myanmar Earthquake
เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.7 แมกนิจูดในเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,700 ราย และคาดว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างมีนัยสำคัญ ความเสียหายหนักที่สุดอยู่ในเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศซึ่งตั้งอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว อาคารหลายหลัง รวมถึงสะพานและถนนพังถล่ม มีรายงานพระสงฆ์จำนวนมากติดอยู่ใต้ซากอาคารในวัดพยาเต็งแผ่นดินไหวยังส่งแรงสะเทือนถึงกรุงเทพฯ ส่งผลให้อาคารสูงในบางจุดได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะตึกระฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้างพังถล่ม มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย และยังมีผู้สูญหายกว่า 100 คน

Gold soars to record high
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องแตะระดับ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางความกังวลต่อสงครามการค้ารอบใหม่ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้มาตรการภาษี 25% สำหรับสินค้ารถยนต์ และเตรียมขยายไปยังสินค้าสำคัญอื่น ๆ รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ ยา และสินค้าโภคภัณฑ์บางชนิด ซึ่งจุดกระแสความไม่มั่นใจในตลาดโลกนักลงทุนแห่เข้าสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อที่ยังเหนียวแน่น
ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่วัดจากดัชนี Core PCE (Personal Consumption Expenditures) ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ให้ความสำคัญ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนกุมภาพันธ์ โดย Core PCE ขยายตัว 2.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สูงกว่าการคาดการณ์เล็กน้อย และมากกว่าระดับ 2.7% ของเดือนมกราคม ซึ่งถูกปรับขึ้นก่อนหน้านี้ในขณะที่ PCE headline ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ยังคงทรงตัวที่ 2.5% ตามคาดการณ์ แต่แรงกดดันจากดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐานส่งสัญญาณว่า Fed อาจยังไม่เร่งตัดสินใจลดดอกเบี้ยเร็ว ๆ นี้ โดย Core PCE รายเดือนขยายตัว 0.4% เทียบกับ 0.3% ในเดือนก่อนหน้า สะท้อนแนวโน้มที่ราคาสินค้าทั่วไปยังคงปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Auto tariffs take effect on April 3
มาตรการภาษีนำเข้ารถยนต์ของสหรัฐฯ: ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% สำหรับรถยนต์ที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น อย่างน้อย $6,000 ต่อคัน ทำให้ผู้บริโภคเผชิญภาวะเงินเฟ้อและยอดขายอาจร่วงลง ส่งผลถึงการผลิตและแรงงานในภาคอุตสาหกรรม
รายงานจาก Cox Automotive คาดว่าโรงงานในสหรัฐฯ อาจผลิตรถลดลง 20,000 คันต่อสัปดาห์ (ประมาณ -30%) หากสถานการณ์ยืดเยื้อ โดยนักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าความไม่แน่นอนทางนโยบายของทรัมป์อาจดึงเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
ความเปลี่ยนแปลงทางนโยบายอย่างไม่คงที่ (impose–suspend–reimpose tariffs) ทำให้ผู้บริหารบริษัทรถยนต์ลังเลที่จะลงทุนสร้างโรงงานใหม่ในสหรัฐฯ ทั้งๆ ที่เป็นเป้าหมายหลักของมาตรการนี้
Source : https://www.theguardian.com/commentisfree/2025/mar/27/trump-auto-tariffs-backfire
Venezuelan oil
ภาษี 25% กับประเทศคู่ค้าพลังงานเวเนซุเอลา
– คำสั่งมีผลวันที่ 2 เม.ย.
– ครอบคลุม “ทุกการค้าร่วมกับสหรัฐฯ” ของประเทศที่ซื้อน้ำมันจากเวเนซุเอลา
– คำสั่งนี้มีผล “เพิ่มเติม” จากภาษีเดิมที่สหรัฐฯ เรียกเก็บอยู่
กระทบจีนโดยตรง – เป้าหมายแฝงของมาตรการ จีนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันเวเนซุเอลามากที่สุดในปี 2024 โดยรับ 351,000 บาร์เรล/วัน เทียบกับสหรัฐฯ ที่นำเข้า 228,000 บาร์เรล/วันหากจีนยังคงซื้อน้ำมันเวเนซุเอลา การส่งออกมายังสหรัฐฯ จะเผชิญภาษี “เพิ่มอีก 25%” ซึ่งรวมกับ
•20% ภาษีสินค้าจีนทั้งหมด
•25% ภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม รวมภาษีสูงสุดอาจแตะ 70% สำหรับสินค้าบางกลุ่ม
ผลต่อราคาน้ำมันและความมั่นคงด้านพลังงาน สต็อกน้ำมันสหรัฐฯ ลดลงต่อเนื่อง ความเสี่ยงด้านอุปทาน (supply disruption) เพิ่มขึ้น หากจีนหันไปพึ่งตลาดอื่น หรือเกิดการตอบโต้เชิงนโยบาย Chevron ซึ่งมีสิทธิร่วมผลิตน้ำมันในเวเนซุเอลายังได้รับอนุญาตต่อจนถึง 27 พ.ค. 2025

จัดอันดับกองทุนพักเงินประจำสัปดาห์


ติดตามบทความเพิ่มเติมได้ที่ https://wealthcertified.co.th/market-update/
Disclaimer
ข้อมูลและเนื้อหาในเอกสารฉบับนี้ ถูกรวบรวมขึ้นจากแหล่งที่มาที่พิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามทางบริษัทนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด ไม่อาจรับประกันความถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบันของเอกสารฉบับนี้ รวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ ข้อมูลและความคิดเห็นในเอกสารฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ผู้ลงทุนต้องเข้าใจว่า ผลตอบแทนในอดีตไม่สามารถนำเอามาใช้รับประกันผลตอบแทนในปัจจุบันและอนาคตได้ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลขาดทุนจากการขาดทุนได้ จึงต้องทำความเข้าใจลักษณะผลิตภัณฑ์ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานที่นำเสนอนั้น อาจไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิเช่น ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จะต้องมีการเรียกเก็บจากผู้ลงทุน เป็นต้น
เอกสารฉบับนี้ไม่ใช่เอกสารเผยแพร่ให้บุคคลทั่วไปและไม่สามารถนำไปแก้ไข ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนหรือทั้งหมด โดยปราศจากความเห็นชอบและอนุญาตจากบริษัทนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลธ์ เซอร์ติฟายด์ จำกัด