เดือนมีนาคม ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง โดยที่ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้น สาเหตุมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากนโยบายการขึ้นภาษีของสหรัฐ โดยล่าสุด ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐก็ส่งสัญญาณที่จะชะลอตัว ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อ (Core PCE) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาขยับขึ้นมาเล็กน้อย ส่วนการลงทุนในไทยต้องจับตาผลกระทบจากแผ่นดินไหววันที่ 28 มีนาคม ที่ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยต้องหยุดการซื้อขาย คาดว่าจะมีผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเศรษฐกิจไทย

สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ฟื้นตัวหลังจากที่ปรับลดลงมาหลายสัปดาห์อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีสหรัฐ โดยการประชุม FOMC ในช่วงกลางสัปดาห์ ธนาคารกลางสหรัฐเริ่มแสดงท่าทีการเปิดทางต่อการผ่อนคลายนโยบายมากขึ้น โดยตลาดมองว่า FED จะลดดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้ รวมถึงท่าทีของ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่ามาตรการภาษีใหม่ที่จะเริ่มเดือน เม.ย. นี้ อาจไม่รุนแรงเท่าที่คาดไว้

สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยตลาดหุ้นสหรัฐที่มีแรงเทขายหุ้นจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าและภาษีของสหรัฐ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม 25% ซึ่งกระตุ้นให้ EU และ แคนาดาตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีสินค้าสหรัฐ รวมถึงความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย โดยเฉพาะในสหรัฐที่มีตัวเลขเศรษฐกิจบางส่วนเริ่มชะะลอตัว และเงินเฟ้อสูงกว่าคาด

สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นฮ่องกงยังคงปรับตัวขึ้นต่อ รวมถึงตลาดหุ้นเอเชียอย่าง จีน อินเดีย เวียดนามที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น มีสัญญาณถูกขายทำกำไร โดยตลาดมีความกังวลการขึ้นภาษี โดยสหรัฐมีการประกาศขึ้นภาษี 25% สำหรับสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ก่อนจะยกเว้นชั่วคราว 1 เดือน และการขึ้นสินค้าจีนเพิ่มขึ้นเป็น 20% ทำให้นักลงทุนยังคงจับตาการตอบโต้และมาตรการการขึ้นภาษีที่สหรัฐเตรียมบังคับใช้กับประเทศอื่นๆทั่วโลก (Reciprocal Tariffs) ในวันที่ 2 เม.ย. ต่อไป

ดัชนีฮ่องกงยังคงปรับตัวขึ้นได้อย่างโดดเด่นจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีน รองลงมาเป็นหุ้นยุโรป และเวียดนาม ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐพักตัว โดยนักลงทุนยังรอประเมินแผนการเก็บภาษีตอบโต้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงเดือนนี้ก่อนจะประกาศอย่างเป็นทางการในช่วงต้นเดือนเมษายน

ดัชนีฮ่องกงยังคงปรับตัวขึ้นได้อย่างโดดเด่นจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีน เช่น Alibaba, Tencent Xiaomi ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐพักตัว โดยนักลงทุนยังรอประเมินแผนการเก็บภาษีตอบโต้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นและประกาศในช่วงต้นเดือนเมษายน

ดัชนีฮ่องกงปรับตัวขึ้นได้อย่างโดดเด่นจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีน เช่น Alibaba, Tencent และ Meituan ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังนักลงทุนมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการ และความคาดหวังว่านโยบายสนับสนุนจากรัฐบาลจีนจะช่วยฟื้นฟูภาคธุรกิจ ในขณะที่ตลาดหุ้นโลกโดยรวมทรงตัว โดยนักลงทุนยังรอประเมินแผนการเก็บภาษีตอบโต้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งยังไม่มีการกำหนดภาษีใหม่เพิ่มเติม รวมถึงการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน

จับตามาตรการกำแพงภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ต่อจากการขึ้นภาษี แคนาดา เม็กซิโก และจีน

ผลกระทบจาก DeepSeek AI จากจีน ที่เข้ามาเขย่าวงการและทำให้มุมมองการพัฒนา AI โลกได้เปลี่ยนแปลงไป และการเริ่มตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐต่อ แคนาดา เม็กซิโก และจีน เพิ่มเติม ทำให้คาดว่าการลงทุนในเดือนนี้จะมีความผันผวน และต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น

ตลาดหุ้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงต้นปี 2025 ตลาดหุ้นส่วนใหญ่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นญี่ปุ่น ฮ่องกง รวมถึงราคาทองคำ สวนทางกับราคาน้ำมันที่ปรับลดลงแรง โดยนักลงทุนจับตานโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์หลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะการกีดกันทางการค้า รวมถึงท่าที่นโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรปและสหรัฐ ที่จะมีการประชุมในสัปดาห์นี้