ไทย ENG

CONTACT US
0-2026-6875

Weekly Highlight

WCIA Weekly Highlight

25/10/2022

WCIA Weekly Highlight ฉบับวันที่ 25-28 ตุลาคม 2565

WCIA Weekly Highlight : Key Takeaways

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขานรับงบไตรมาส 3/65 ที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองบวกต่อบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ที่กำลังทยอยรายงานงบการเงิน
  • Special Headlines : อัพเดทประชุมพรรคคอมมิวนิสต์และงบไตรมาส 3/65 ของธนาคารพาณิชย์ไทย
  • Technical : ตลาดหุ้นส่วนใหญ่มีการ rebound คาดว่าสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ ดัชนี CSI300 และ Hang Seng มีโอกาส rebound ในสัปดาห์นี้ ขณะที่เวียดนามมี downside ไม่มาก หุ้นไทยมีแนวต้านที่ 1,600 จุด ตลาดอินโดนีเซียทะยอยสะสมได้ ทองคำยังเป็นขาลงรอเบรค น้ำมันวิ่งในกรอบ $82-$92
  • กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้ : ลงทุนด้วยความระมัดระวัง แนะนำให้ทยอยสะสมในกองทุนหุ้นโดยไม่เกินสัดส่วนที่กำหนด และถือเงินสดบางส่วนเพื่อโอกาสในการลงทุนเพิ่ม ในกรณีที่ดัชนีปรับตัวลงต่อหรือเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค สำหรับนักลงทุนที่ Fully Invested แล้วแนะนำถือต่อ
Source: Koyfin.com data as of  24 Oct 2022, *Annualized returns

WCIA Weekly Recap สถานการณ์รอบโลกสัปดาห์ที่ผ่านมา

Source: Koyfin.com data as of  24 Oct 2022, *Annualized returns
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงที่ 214,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ และต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 230,000 ราย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวอยู่ต่ำกว่าระดับ 215,000 ราย โดยเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนกังวลว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกต่อไป อาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญภาวะถดถอย
  • สหรัฐฯ เผยตัวเลขสร้างบ้านใหม่ในเดือน ก.ย. ต่ำกว่าคาด กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านใหม่ลดลง 8.1% ในเดือน ก.ย. สู่ระดับ 1.439 ล้านยูนิต ต่ำกว่าคาดที่ระดับ 1.475 ล้านยูนิต จาก 1.566 ล้านยูนิตในเดือน ส.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และราคาวัสดุก่อสร้าง
  • ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อังกฤษเพิ่มขึ้น 10.1% ในเดือน ก.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10% จากราคาอาหารและพลังงานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ด้านราคาบ้านอังกฤษปรับตัวขึ้น 13.6% ในเดือน ส.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยตลาดคาดว่าราคาบ้านอังกฤษจะทรงตัวในปีหน้า จากผลกระทบค่าครองชีพและดอกเบี้ยที่สูงขึ้น กดดันตลาดที่อยู่อาศัย
  • รัสเซียระบุจะใช้นิวเคลียร์ หากยูเครนโจมตี 4 แคว้นผนวกใหม่ โดยทำเนียบเครมลินยืนยันว่า ดินแดนเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย และจะได้รับการปกป้องในระดับเดียวกับดินแดนอื่นๆ ในรัสเซีย ซึ่งก่อนหน้านี้มีผลการทำประชามติเห็นด้วยในการผนวกดินแดนของยูเครนเข้ากับรัสเซีย ได้แก่ แคว้นโดเนตสก์ ลูฮันสก์ เคอร์ซอน และซาปอริซเซีย
  • ชิ ซูนัก คว้าเก้าอี้นายกฯอังกฤษคนใหม่ โดยอดีตรัฐมนตรีคลังอังกฤษ คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งจะทำให้นายซูนักขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษโดยอัตโนมัติ เนื่องจากพรรคอนุรักษ์นิยมครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ ทั้งนี้ นายซูนักถือเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนแรกที่มีเชื้อสายอินเดีย หลังนางลิซ ทรัสส์ ประกาศลาออกจากนายกอังกฤษ โดยนางทรัสส์ได้กล่าวขอโทษในความผิดพลาดที่ประกาศมาตรการปรับลดภาษีวงเงิน 4.5 หมื่นล้านปอนด์ ซึ่งสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการเงินทั่วโลก
  • แบงก์จีนประกาศส่งเสริมเศรษฐกิจ ตามข้อเรียกร้องผู้นำจีน โดยธนาคารขนาดใหญ่ที่สุด 6 แห่งของรัฐบาลจีน ประกาศว่าจะยกระดับการสนับสนุนเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว ตามข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยจะเพิ่มการสนับสนุนด้านสินเชื่อเพื่อส่งเสริมภาคเอกชนและเศรษฐกิจที่แท้จริง และทางการจีนเตรียมออกนโยบายเพิ่มอัตราการเกิด เพื่อรับมือวิกฤตประชากรสูงวัย จากความกังวลว่าประชากรที่ลดลงอย่างรวดเร็วอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน โดยคาดว่าจะมีนโยบายออกมา เช่น การลดหย่อนภาษี การเพิ่มระยะเวลาการลาคลอดบุตร การยกระดับประกันสุขภาพ เงินพิเศษสำหรับบุตรคนที่ 3 และการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา เป็นต้น
  • เงินเฟ้อจีนในเดือน ก.ย. ปรับตัวสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงาน ดัชนี CPI ในเดือน ก.ย เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับที่ตลาดคาด หลังจากเพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือน ส.ค. ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าคาดที่ระดับ 1.0% สาเหตุหลักมาจากราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้น
  •  แบงก์ชาติเวียดนามประกาศขึ้นดอกเบี้ย 1% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน เพื่อสกัดเงินเฟ้อ รวมทั้งรักษาเสถียรภาพในระบบธนาคาร ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6% และอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.5% รวมถึงจะเข้าแทรกแซงตลาดการเงินเพื่อให้สถาบันการเงินมีสภาพคล่องที่เพียงพอ
Source: Koyfin.com data as of  24 Oct 2022, *Annualized returns
  • ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับตัวลดลงปิดตลาดที่ 85.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล รัฐบาลสหรัฐฯ จะระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) จำนวน 15 ล้านบาร์เรล หลังจากที่กลุ่ม OPEC+ มีมติลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ในการประชุมที่ผ่านมา ซึ่งสวนทางความต้องการของสหรัฐฯ และราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น
  • ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นปิดที่ $1,652.72 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นการฟื้นตัวแบบ Technical Rebound จากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และการเมืองระหว่างประเทศที่กลับมาตึงเครียด อย่างไรก็ตามการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ ยังเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำในช่วงนี้
  • ค่าเงินบาทปิดตลาดที่ 38.1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อในสหรัฐฯ อยู่ในระดับสูง หนุนให้เฟดยังเดินหน้าใช้นโยบายการเงินเข้มงวดต่อไป
หุ้นเกือบทุกกลุ่ม ปรับตัวเพิ่มขึ้น Source: TradingVeiw

Special Highlight การประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีน

โครงสร้างพรรคคอมมิวนิสต์: ประชากร 1.4 พันล้านคน มีสมาชิกพรรค 90 ล้านคน คิดประมาณ 6% ของประชากร และจะถูกเลือกเป็นตัวแทนสมาชิกระดับประเทศ 2,300 คน และเลือกคณะกรรมกลาง ( Central Committee) 376 คน โดย 200 มาจากการโหวต ที่เหลือมาจากการสรรหา จากนั้นจะเลือกสมาชิก politburo จำนวน 25 คน จาก 376 คน ซึ่งคณะกรรมการเหล่านี้เป็นกลุ่มที่คุมนโยบายของจีนทั้งหมด เมื่อได้สมาชิก politburo แล้ว ก็จะเลือกเป็น Standing Committee อีก 7 คน ท้ายที่สุดก็จะเลือกเลขาธิการพรรค 1 คน ปัจจุบันคือนาย สี จิ้นผิง และเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

โครงสร้างรัฐบาลกลางจีน (สภานิติบัญญัติ) มีสมาชิกประมาน 3,000 คน โดย 70% มาจากสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ โดยสมาชิกสภาจะเลือกประธานาธิบดี  ปัจจุบันคือนาย สี จิ้นผิง และจะเลือกนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรีปัจจบันคือ นายหลี่ เค่อเฉียง

Source: The Chinese Communist Party | Council on Foreign Relations (cfr.org)

นโยบายประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีน

        ประเด็นที่ปธน. สี จิ้นผิง กล่าวในการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา จะให้ความสำคัญกับความมั่นคงและอธิปไตยของจีน รวมถึงการเติบโตที่ยั่งยืนตามแนวทางของจีน ซึ่งจะให้ความสำคัญกับ การศึกษาที่มีคุณภาพ และการลงทุนในนวัตกรรม เพื่อสามารถพึ่งพาตัวเองได้  ขณะที่ด้านความมั่นคง รัฐบาลจีนจะเร่งพัฒนากองทัพของประเทศให้ทัดเทียมกับชาติตะวันตก ด้วยการพัฒนาระบบการป้องกัน การฝึกและกลยุทธ์ทางการทหาร รวมถึงพูดถึงประเด็นย่อยต่างๆ ดังนี้

1.ประเด็นจีน-ไต้หวัน ปธน.สี จิ้นผิง กล่าวอย่างมุ่งมั่นในการที่จะรวมชาติกับไต้หวัน และจะต้องสำเร็จภายใน 2049 ซึ่งเป็นปีที่ครบรอบ 100 ปีของสาธารณรัฐประชาชน และกล่าวว่าจะใช้มาตรการความรุนแรงหากเห็นสมควร อีกทั้งยังกล่าวว่าจะไม่ยอมให้ชาติตะวันตกเข้ามาแทรกแซงในกิจการของไต้หวัน

2. มาตรการ Zero Covid ซึ่งชาวจีนหลายคนติองผิดหวังกับการประชุมครั้งนี้ ที่คาดว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายโควิด  โดยทางพรรคมิวนิสต์จีนยังคงยืนยันว่าการใข้มาตรการ Zero Covid ต่อไปเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของประเทศ  และจะดำเนินการมาตรการอย่างเข้มงวด ซึ่งทางการให้ความสำคัญกับชีวิตของประชาชนเป็นอันดับแรก ถึงแม้มาตรการดังกล่าวจะกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศในเชิงลบ ขณะที่ล่าสุดมีรายงานว่าจนท.จีนกำลังพิจารณาลดระยะเวลากักตัวจาก 7 วัน เป็น 2 วัน และมีการเพิ่มไฟลท์บินมากขึ้น

3. โครงสร้างประชากรและมาตรการ ปีนี้เป็นปีแรกที่อัตราการเกิดของเด็กทารกจีนต่ำกว่า 10 ล้านคน ซึ่งปธน. สี จิ้นผิง เตรียมออกนโยบายเพิ่มอัตราการเกิด เพื่อรับมือวิกฤตประชากรสูงวัย จากความกังวลว่าประชากรที่ลดลงอย่างรวดเร็วอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน โดยคาดว่าจะมีนโยบายออกมา เช่น การลดหย่อนภาษี การเพิ่มระยะเวลาการลาคลอดบุตร การยกระดับประกันสุขภาพ เงินพิเศษสำหรับบุตรคนที่ 3 และการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา เป็นต้น

งบธนาคารพาณิชย์ไทย Q3/65

ธนาคารพาณิชย์ในภาพรวมงบออกมาดี สอดคล้องกับที่ตลาดคาด จากรายได้ที่เติบโตจากสินเชื่อ โดยเฉพาะฝั่งลูกค้ารายใหญ่ อานิสงค์จากบอนด์ยีลด์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทหันมากู้จากแบงก์มากขึ้น ซึ่งมีต้นทุนที่พอจะเปรียบเทียบกันได้กับการออกหุ้นกู้ของบริษัท และส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ดีขึ้น หลังจากที่แบงก์ทยอยปรับดอกเบี้ยขึ้น และต้นทุนยังคงควบคุมได้ ขณะที่ NPL ส่วนใหญ่ทรงตัว ด้าน TTB กำไรเติบโต 57% YoY ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ถึง 18% และโต 8% QoQ มาจากการตั้งสำรองที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่ LHFG กำไร Q3/65 ลดลง 31.96% สาเหตุมาจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสุทธิลดลง และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น

ด้านความเสี่ยงภาพรวมในตลาด ได้แก่ ปัจจัยเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้มีความกังวลว่าอาจจะกระทบต่อลูกค้าบางกลุ่ม และความยากในการส่งผ่านต้นทุน (FIDF Fee) ไปยังลูกค้าอาจจะต้องใช้เวลา

กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้

เรามองว่าตลาดยังคงถูกกดดันจากหลายปัจจัยโดยแนวโน้มตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงเป็นขาลงจึงแนะนำลงทุนด้วยความระมัดระวัง

เราแนะนำให้ทยอยสะสมในกองทุนหุ้นโดยไม่เกินสัดส่วนที่แนะนำ และถือเงินสดบางส่วนเพื่อโอกาสในการลงทุนเพิ่ม ในกรณีที่ดัชนีปรับตัวลงต่อหรือเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค สำหรับนักลงทุนที่ Fully Invested แล้วแนะนำถือต่อ

สัปดาห์ที่ผ่านมา

พักเงินในกองทุน Short-Term Fixed Income แทนกองทุน MMF และแนะนำลงทุนเพิ่มเพื่อให้สัดส่วนกองทุนอยู่ในระดับที่กำหนด

Source: WCIA, Aspen
WCIA Aggressive Portfolio

โดยรายละเอียดแผนการลงทุนและกองทุนที่แนะนำให้กับลูกค้าจะมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับระดับการยอมรับความเสี่ยง ผลตอบแทนคาดหวัง ข้อจำกัดในการลงุทนของแต่ละบุคคล และเรามีการคัดเลือกและวิเคราะห์กองทุนที่เหมาะกับการจัดพอร์ตการลงทุนในแต่ละบุคคล

โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

ติดต่อทีมงานฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน เพื่อสอบถามรายละเอียดและคำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมกับท่าน ได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 02-026-6875   หรือ อีเมลล์ investment@wealthcertified.co.th

Wealth Certified Investment Team

นาย พันเลิศ เจริญสวรรค์ : นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ ผู้วางแผนการลงทุน

นาย กรวิชญ์ สำเภาสงฆ์ : ผู้วางแผนการลงทุน

อ่านบทความย้อนหลังได้ที่

Market Update – Wealth Certified

WCIA Weekly Highlight – Wealth Certified

You cannot copy content of this page